Abstract:
ในปัจจุบันโครงข่ายหมุดหลักฐาน โดยวิธีการรังวัดด้วยดาวเทียม GPS ที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทยมีหน่วยงาน หลักที่จัดทำอยู่ 2 หน่วยงานคือ กรมแผนที่ทหารและกรมที่ดิน โดยโครงข่ายหมุดหลักฐานของ กรมแผน ที่ทหารถือได้ว่าเป็นโครงข่ายหลักระยะไกลครอบคลุมต่อเนื่องทั่วประเทศเริ่ม จัดทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ส่วน โครงข่ายหมุดหลักฐานระยะใกล้เพื่อใช้ในกิจการแผนที่ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศจัดทำโดยกรมที่ดินเริ่มจัด ทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 การแปลงค่าระบบพิกัดจากการรังวัดด้วยดาวเทียม GPS มาสู่พื้นหลักฐาน ประเทศไทย หรือ INDIAN 1975 ของหน่วยงานทั้งสอง ยังมีความแตกต่างกันอยู่ ทำให้มีปัญหาในการโยงยึดและอ้างอิงแก่ผู้ใช้ประโยชน์จากหมุดหลักฐานดังกล่าว วัตถุประสงค์ของงาน วิจัยมุ่งที่จะศึกษาถึงความเป็นไป ได้ของการจัดทำระบบพิกัดแผนที่ให้เป็นเอกภาพ โดยใช้ข้อมูลหมุดหลักฐานของกรมแผนที่ทหารจำนวน 649 หมุด และ กรมที่ดิน จำนวน 329 หมุดเป็นหลักในการดำเนิน การวิจัยได้คำนวณปรับแก้โครงข่ายหมุดหลักฐาน ทั้งประเทศของหน่วยงาน ทั้งสองและใช้หมุดควบคุม ที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นหมุดที่ได้รับการคำนวณปรับแก้จากหน่วยงาน NIMA ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหมุดควบคุมโครงข่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ GPSurvey เป็นตัวประมวลผล ผลการวิจัยพบว่า การคำนวณปรับแก้โครงข่ายเพื่อจัดทำโครงข่ายให้เป็นเอกภาพสามารถกระทำได้ โดยการนำเอาข้อมูลเส้นฐาน โครงข่ายของทั้งสองหน่วยงาน มาปรับแก้ร่วมกันโดยมีหมุดควบคุมที่น่าเชื่อถือ การใช้หมุดควบคุม จำนวน 3 หมุด มีความเหมาะสมมากที่สุดในการวิจัยนี้ กล่าวคือจะให้ผลลัพธ์ชึ่งมีค่าแตก ต่างจากค่าอ้างอิง หรือค่าพิกัดที่ได้รับการคำนวณปรับแก้จากหน่วยงาน NIMA ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมี ค่าเฉลี่ยในทาง Northing = 1 .4 63 เมตร และทาง Easting = -0 .3 1 0 เมตร ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานใน ทาง Northing = 3 .2 7 0 เมตร และทาง Easting = 1.317 เมตร นอกจากนี้ยังได้นำผลลัพธ์ไปเปรียบเทียบกับ ค่าพิกัดอ้างอิงจากกรมที่ดินพบว่ามีค่าเฉลี่ยในทาง Northing = -1 .7 4 7 เมตร และทาง Easting = --1 0 .6 8 9 เมตร ค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานในทาง Northing = 1.013 เมตร และทาง Easting = 1.823 เมตร สำหรับการแปลงค่าพิกัด UTM ระหว่างโครงข่ายกรมแผนที่ทหารและโครงข่ายกรมที่ดินให้มีค่าพิกัดที่สอดคล้องกันนั้น ใช้แบบจำลองในรูปสมการโพลิโนเมียล second degree มีความเหมาะสมดีที่สุด โดยให้ค่า RMS. ของการแปลงเป็น 3 เซนติเมตรและ1 เซนติเมตร ในแนวตะวันออก-ตะวันตกและแนวเหนือ-ใต้ ตามลำดับ