Abstract:
การประมาณระยะเวลาหลังการตาย (Postmortem interval, PMI) มีความสำคัญมากในงานด้านนิติเวชศาสตร์ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือหรือวิธีที่จะสามารถประเมินระยะเวลาหลังการตายได้อย่างแน่นอน ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากแพทย์ผู้ทำการชันสูตรเป็นผู้ประมาณจากการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย (Postmortem Change) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของปฏิกิริยาทางเคมีหลายอย่างในร่างกายของมนุษย์เมื่อเสียชีวิต หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลังการตายที่สามารถนำมาใช้ในการประมาณหาระยะเวลาหลังการตายคือ การตกสู่เบื้องล่างของเม็ดเลือดแดงหลังการตาย (Livor mortis) การตรวจโดยใช้เครื่องวัดสี (Colorimeter) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในวัดค่าความดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่นใดคลื่นหนึ่ง ทำให้สามารถประเมินสีได้มากกว่าที่เห็นด้วยตาเปล่าจึงถูกนำมาใช้ในการประเมินการตกสู่เบื้องล่างของเม็ดเลือดแดงหลังการตายของผู้เสียชีวิตในงานวิจัยนี้
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ เพื่อประเมินระยะเวลาหลังการตายด้วยความแตกต่างของสีผิวของผู้เสียชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามการตกสู่เบื้องล่างของเม็ดเลือดแดงหลังการตายโดยการใช้เครื่องวัดสีรุ่น NR20XE โดยทำการวัดค่าสีผิว (L, a, b, c, h และ ∆E) บริเวณหน้าท้องส่วนบนที่ต่อจาก xiphoid process เป็นจุดอ้างอิงและวัดสีผิวบริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอวชิ้นที่ 1 และ 2 (Lumbar lordosis) โดยวัดทุกๆ 2 ชั่วโมง (2, 4, 6 และ 8 ชั่วโมง) และนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน
ผลการศึกษาจากตัวอย่างทั้งหมด 27 ศพ โดยเป็นศพเพศชาย 10 คนและศพเพศหญิง 17 คน ศพตัวอย่างเพศชายมีอายุเฉลี่ย 62.30 ± 13.38 ปีและศพตัวอย่างเพศหญิงมีอายุเฉลี่ย 71.53 ± 13.22 ปี ตามลำดับและสาเหตุของการเสียชีวิตของศพตัวอย่าง แบ่งเป็นการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆ โรคเรื้อรังและโรคติดเชื้อ และพบว่า L, b, c, h และ ∆E กับระยะเวลาหลังการตายมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 เครื่องวัดสีรุ่น NR20XE สามารถประเมินระยะเวลาหลังตายโดยมีความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสีกับระยะเวลาหลังการตายอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งข้อมูลที่ได้อาจจะนำไปปรับปรุงพัฒนาเป็นเครื่องมือที่สามารถประเมินหาระยะเวลาหลังการตายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นในงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ในอนาคต