Abstract:
ที่มาและความสำคัญ: ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้าในผู้ป่วยสูงอายุโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์ในประเทศไทย
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาว่าผู้ป่วยสูงอายุโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์ที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ที่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้ามีการตายดี กว่าผู้ที่ไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้าหรือไม่
วิธีการวิจัย: การวิจัยเชิงพรรณนาโดยการสังเกตแบบไปข้างหน้า ในผู้ป่วยสูงอายุโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 60 ปี ได้รับการดูแลแบบประคับประคองที่เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศึกษาประเมินโดยการสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณภาพชีวิต และการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้าทุก 3 เดือน ติดตามจนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิต และเก็บข้อมูลวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อประเมินว่าตายดีหรือไม่ โดยนิยามของตายดี ประกอบด้วย (1.) ผู้ตายยอมรับได้พร้อมที่จะจากไป ได้มีการวางแผนถึงสภาวะแวดล้อมขณะเสียชีวิต (2.) การตายที่ไม่เจ็บปวด ไม่ทุกข์ทรมาน และ (3.) ได้รับการดูแลทางอารมณ์และจิตวิญญาณตามความต้องการ การศึกษาจะประเมินญาติผู้ดูแลเรื่องความทุกข์ และการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้าต่อผู้ป่วยด้วย
ผลการศึกษา: ตั้งแต่ เดือนมกราคม พ.ศ. 2562 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 มีผู้ป่วย 20 รายเข้าร่วมการศึกษา ได้รับการรักษาด้วย hypomethylating agents 14 ราย, cytoreductive agents 4 รายและ novel agents 2 ราย ไม่มีผู้ป่วยถูกส่งปรึกษาทีมเชี่ยวชาญดูแลระยะสุดท้าย ผู้ป่วย 2 รายไม่ทราบการวินิจฉัย ค่ามัธยฐานระยะเวลาติดตามอาการ 4 เดือน มีผู้ป่วยเพียง 7 ราย (ร้อยละ 35) ที่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า มีผู้ป่วย 13 รายเสียชีวิตระหว่างติดตามค่ามัธยฐานระยะเวลารอดชีวิต 10.3 เดือน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 92 เสียชีวิตในโรงพยาบาล ค่ามัธยฐานจำนวนวันที่นอนรักษาในโรงพยาบาล 7.5 วัน สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่คือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์เอง 11 ราย (ร้อยละ 84.7) ผู้ป่วยที่ได้รับการทำหัตถการกู้ชีพ เช่นใส่ท่อช่วยหายใจ, ส่องกล้องหลอดลม, ได้รับยากระตุ้นหัวใจและหลอดเหลือด และ leukapharesis จำนวน 3 รายซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้าทั้งหมด ในบรรดาผู้เสียชีวิต กลุ่มที่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า 5 รายได้รับการประเมินว่าตายดีทั้งหมด เปรียบเทียบกับ กลุ่มที่ไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า 8 ราย ได้รับการประเมินว่าตายดี 3 ราย (p=0.024) ในการประเมินคะแนนคุณภาพชีวิต(คะแนนเต็ม 176) พบว่า คะแนนรวมลดต่ำลงในกลุ่มที่เสียชีวิตเมื่อติดตามที่ 3 เดือน (112.7 เทียบกับ 84.5, p =0.56) ซึ่งสัมพันธ์กับการดำเนินโรค และทำให้สมรรถภาพของผู้ป่วยลดลง ในขณะที่คะแนนด้านสังคม อารมณ์และจิตใจไม่เปลี่ยนแปลง กลุ่มที่ไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้ามีแนวโน้มมีคะแนนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า สำหรับญาติผู้ดูแล 19 ราย สามารถติดตามได้ 2 ครั้ง จำนวน 14 ราย มีค่ามัธยฐานคะแนนความทุกข์ที่คงที่จาก 4 (พิสัย 0-10) เป็น 3(พิสัย 0-10), p=0.6 เมื่อติดตามที่ 3 เดือน โดยคะแนนความทุกข์ไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่มีและไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า มีเพียงความทุกข์ด้านอารมณ์และจิตใจอย่างเดียวเท่านั้นที่ส่งผลต่อญาติผู้ดูแล
สรุปการศึกษา: ผู้ป่วยสูงอายุโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์ที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ที่ได้มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้ามีการตายดีกว่า ผู้ที่ไม่มีการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า