Abstract:
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความต้านทานการแตกหักและรูปแบบของการแตกหักของฟันกรามน้อยบนที่ผ่านการรักษารากฟันและมีโพรงฟันแบบเอ็มโอดีเมื่อบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตแบบตรงร่วมกับการใช้เดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยแบบสำเร็จรูป และที่ร่วมกับการใช้เดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยที่ยังไม่ได้รับการบ่มตัว ฟันกรามน้อยบนทั้งสิ้น 40 ซี่ถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ฟันที่ไม่ผ่านการเตรียมโพรงฟัน การรักษารากฟัน และการบูรณะ กลุ่มที่ 2 ฟันที่ผ่านการเตรียมโพรงฟัน รักษารากฟัน แต่ไม่ได้รับการบูรณะ กลุ่มที่ 3 ฟันที่ผ่านการเตรียมโพรงฟัน รักษารากฟัน และบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตเพียงอย่างเดียวกลุ่มที่ 4 ฟันที่ผ่านการเตรียมโพรงฟัน รักษารากฟัน และบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตร่วมกับเดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยแบบสำเร็จรูป กลุ่มที่ 5 ฟันที่ผ่านการเตรียมโพรงฟัน รักษารากฟัน และบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตร่วมกับเดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยที่ยังไม่ได้รับการบ่มตัว นำกลุ่มตัวอย่างทั้ง 5 กลุ่ม มาผ่านการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจำนวน 20,000 รอบ จากนั้นจึงให้แรงแบบซ้ำๆ 50 นิวตัน 500,000 รอบ ความถี่ 4 Hz นำไปทดสอบความต้านทานต่อการแตกหักโดยการให้แรงกดที่ปุ่มฟันด้านลิ้นทำมุม 45 องศาต่อแนวแกนฟันจนเกิดการแตกหัก ผลการศึกษาพบว่าฟันกรามน้อยกลุ่มควบคุมผลบวกมีค่าความต้านทานต่อการแตกหักมากที่สุด (510.92 ± 106.54 N) ในขณะที่กลุ่มควบคุมผลลบมีความต้านทานต่อการแตกหักต่ำที่สุด (73.88 ± 20.52 N) เมื่อบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตร่วมกับเดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยสามารถเพิ่มความต้านทานต่อการแตกหักได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับการบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเดือยฟันทั้งสองชนิด นอกจากนี้ยังพบว่าชิ้นงานส่วนใหญ่มีรูปแบบการแตกหักแบบพึงประสงค์ กล่าวโดยสรุปคือ การบูรณะฟันกรามน้อยที่ผ่านการรักษารากและมีโพรงฟันแบบเอ็มโอดีด้วยเรซินคอมโพสิตร่วมกับเดือยฟันคอมโพสิตเสริมเส้นใยสามารถเพิ่มความต้านทานต่อการแตกหักได้เมื่อเปรียบเทียบกับการบูรณะด้วยเรซินคอมโพสิตเพียงอย่างเดียว ชิ้นงานส่วนใหญ่มีรูปแบบการแตกหักแบบพึงประสงค์ และชนิดของเดือยฟันไม่ส่งผลต่อความต้านทานต่อการแตกหัก