DSpace Repository

รูปแบบเชิงพื้นที่ของอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สินในย่านเยาวราช-สําเพ็ง

Show simple item record

dc.contributor.advisor ไขศรี ภักดิ์สุขเจริญ
dc.contributor.author บุษยา พุทธอินทร์
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned 2020-11-11T12:58:22Z
dc.date.available 2020-11-11T12:58:22Z
dc.date.issued 2561
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/69888
dc.description วิทยานิพนธ์ (ผ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561
dc.description.abstract ปัญหาการเกิดอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สิน อันประกอบไปด้วย การวิ่งราวทรัพย์และการลักทรัพย์ในพื้นที่สาธารณะ เป็นปัญหาต่อความปลอดภัยที่สำคัญยิ่งของเมือง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อบรรยากาศการดำเนินกิจกรรมของคนเดินเท้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ย่านพาณิชยกรรม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มี “กลุ่มเป้าหมาย” ของอาชญากรค่อนข้างมาก (Baran, Smith and Toker, 2007)  วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบเชิงพื้นที่ (spatial pattern) ในย่านเยาวราช-สำเพ็ง ที่มีแนวโน้มเกิดอาชญากรรมประเภทคดีวิ่งราวทรัพย์และลักทรัพย์บนพื้นที่สาธารณะ เช่น การล้วงกระเป๋า ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบเชิงพื้นที่ร่วมกับแผนที่อาชญากรรม ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบเชิงพื้นที่การเกิดอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สิน มักมีรูปแบบโครงข่ายการสัญจรที่หนาแน่น เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเข้าถึงและมองเห็นสูงถึงปานกลาง มักเกิดขึ้นบริเวณตำแหน่งการค้าที่มีกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่หนาแน่น ตลอดจนศาลเจ้า มีการสัญจรผ่านมาก ประกอบกับทางเท้าที่แคบกว่ามาตรฐาน  รวมทั้งบริเวณใกล้ทางร่วมแยก หรือหัวมุมร้านค้า ซึ่งเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุอาชญากรรม และเป็นบริเวณที่ง่ายต่อการหลบหนี โดยคดีวิ่งราวทรัพย์มีแนวโน้มเกิดขึ้นบนถนนสายหลักที่สามารถเข้าถึงด้วยรถจักรยานยนต์ และอยู่ใกล้ทางร่วมแยก เนื่องจากลักษณะของคดีที่อาชญากรจำเป็นต้องใช้ความเร็วในการหลบหนี มักก่อคดีในช่วงเวลาที่ความสามารถในการมองเห็นลดลง คือ ช่วงกลางคืน  ในขณะที่คดีลักทรัพย์จำเป็นต้องใช้พื้นที่ที่มีการทำกิจกรรมหนาแน่นของผู้คน มีความหลากหลายและการปะปนของคนในและนอกพื้นที่ เพื่อใช้ในการอำพรางตัวในการก่ออาชญากรรม จึงเลือกก่อคดีในช่วงเวลากลางวันอย่างชัดเจน
dc.description.abstractalternative The problem of the crime against property includes snatching and pickpockets in public spaces. It is a very important problem for the city. In addition, it affects the atmosphere in the activities of pedestrians in daily life, especially in the commercial area because it is an area that has many "target group" of the criminals (Baran, Smith and Toker, 2007). The purpose of this thesis was to study the spatial pattern in Yaowarat - Sampheng District with a tendency to cause crime in the case of snatching and pickpockets in public spaces by analyzing the spatial patterns together with crime maps. The result of the study showed that the spatial patterns of crime against property is dense circulation network. It is an area that has a high to medium level of access potential and visibility. It usually occurs at the location of trade with dense commercial activities.  As well as the shrine, because there is a lot of traffic and narrow sidewalks, including the area near the intersection or corner of the shop which is a target of crime. The property case is likely to occur on the main road that can be accessed by motor vehicles and the location near the junction because the criminals need to escape quickly. They often make a case during the night. The pickpocket cases require the space with dense activities of people. Therefore, the criminals choose to make a case during the daytime clearly
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2018.693
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.title รูปแบบเชิงพื้นที่ของอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สินในย่านเยาวราช-สําเพ็ง
dc.title.alternative Spatial patterns of crime against property in Yaowarat-Sampheng district
dc.type Thesis
dc.degree.name การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline การวางผังและออกแบบเมือง
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.THE.2018.693


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record