Abstract:
ครูยังมีข้อจำกัดในการถ่ายโยงสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาของผู้เรียนในสภาพบริบทที่ซับซ้อน การวิจัยนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อ (1) ประเมินความต้องการจำเป็นของครูด้านเจตคติต่อการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน การเรียนรู้ด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และทักษะด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (2) สร้างหลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ฯ (3) ประเมินและสะท้อนผลการทดลองใช้โปรแกรมส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ฯ การศึกษาครั้งนี้แบ่งการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ ระยะแรก ขั้นวิเคราะห์และสำรวจ ตัวอย่างวิจัยเป็นครู จำนวน 564 คน ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้น เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ และวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นโดยใช้เทคนิค Modified Priority Needs Index (PNImodified) ระยะที่สอง ขั้นการออกแบบและพัฒนา โดยสัมภาษณ์ครูจำนวน 8 คน ระยะที่สาม ขั้นประเมินและสะท้อนผล โดยนำโปรแกรมส่งเสริมฯ ไปทดลองใช้กับครู และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงความสามารถในการถ่ายโยงการเรียนรู้ และพัฒนาหลักการออกแบบใหม่ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ความต้องการจำเป็นที่ครูทุกสังกัดต้องได้รับการพัฒนามากที่สุด คือ ด้านการเรียนรู้ด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน รองลงมา คือ ด้านทักษะด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และด้านเจตคติต่อการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
2. ข้ออ้างเชิงเหตุผลที่ใช้ในการสร้างหลักการออกแบบโปรแกรมส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ฯ คือ แนวคิดโรงเรียนในฐานะชุมชนการเรียนรู้ (SLC) และการปฏิบัติงานแบบสะท้อนคิด องค์ประกอบของหลักการออกแบบเชิงเนื้อหาสาระประกอบด้วย 1) การสร้างความเข้าใจในกระบวนการทำวิจัยโดยใช้การวิจัยแบบร่วมมือรวมพลัง 2) การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการวิจัยในชั้นเรียนผ่านการฝึกปฏิบัติในบริบทจริง และ 3) การส่งเสริมการสะท้อนคิดและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
3. ผลผลิตสำคัญของการวิจัยการออกแบบมี 4 ประการ คือ 1) โปรแกรมส่งเสริมการถ่ายโยงการเรียนรู้ด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน 2) ความสามารถในการถ่ายโยงการเรียนรู้ของครูที่สูงขึ้น 3) การยืนยันแนวคิด SLC และการปฏิบัติงานแบบสะท้อนคิดที่ใช้เป็นข้ออ้างเชิงเหตุผลในการกำหนดหลักการออกแบบ และ 4) การเสนอหลักการออกแบบใหม่ 15 ข้อ