Abstract:
วาทกรรมพลเมืองมีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองเพราะเป็นการแสดงการให้ความสนใจในประเด็นของสังคมรอบตัวผ่านกระบวนการแสดงความคิดเห็นที่ต้องใช้วาทศิลป์บนพื้นฐานของเหตุผลและหาข้อสรุปในประเด็นนั้น ๆ ร่วมกัน การวิจัยในครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาเครื่องมือสังเกตชั้นเรียนเพื่อวิเคราะห์ลักษณะของวาทกรรมพลเมืองในชั้นเรียน 2) เพื่อวิเคราะห์บทบาทของครูในการส่งเสริมวาทกรรมพลเมืองและพฤติกรรมที่สะท้อนความเป็นพลเมืองของนักเรียนในชั้นเรียน 3) เพื่อออกแบบและพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันที่ส่งเสริมให้ครูใช้วาทกรรมพลเมืองในการพัฒนาความเป็นพลเมืองของนักเรียน และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้งานโมบายแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นในมุมมองของผู้ใช้ การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการวิเคราะห์วาทกรรมพลเมืองในชั้นเรียน ผู้วิจัยพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือสังเกตชั้นเรียนโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เพื่อนำใช้บันทึกข้อมูลพฤติกรรมของครูและนักเรียน จำนวน 8 ชั้นเรียนและบันทึกเสียงระหว่างการอภิปรายในชั้นเรียน โดยตัวอย่างวิจัยคือครูสังคมศึกษา จำนวน 6 คน และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 232 คน จากนั้นจึงนำข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้มาวิเคราะห์ตามกรอบวาทกรรมพลเมืองของ Habermas เพื่อศึกษาบทบาทของครูในการส่งเสริมวาทกรรมพลเมืองและวิเคราะห์พฤติกรรมที่แสดงออกถึงคุณลักษณะความเป็นพลเมืองของนักเรียนในชั้นเรียน ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาฟังก์ชันการทำงานหลักของโมบายแอปพลิเคชัน คือ ชุดคำถามแบบสถานการณ์จำลองเพื่อใช้ประเมินทักษะการวิเคราะห์วาทกรรมพลเมืองของครู และชุดคำถามสำหรับวิเคราะห์คุณลักษณะความเป็นพลเมืองของนักเรียน และระยะที่ 3 เป็นการพัฒนาโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานของโมบายแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติมและนำโมบายแอปพลิเคชันไปทดลองใช้กับครูสังคมศึกษาจำนวน 10 คน และประเมินผลการใช้งานด้วยแบบสอบถามมาตรประมาณค่า 7 ระดับ ผลการวิจัยพบว่า
1. เครื่องมือสังเกตชั้นเรียนที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการสังเกตชั้นเรียนเพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์วาทกรรมในชั้นเรียน
2. บทบาทของครูในการส่งเสริมวาทกรรมพลเมืองที่พบในแต่ละชั้นเรียนมีความแตกต่างกัน ในภาพรวมของทุกชั้นเรียน พบว่า ครูมีบทบาทในการอำนวยการเข้าถึงการอภิปรายและการสร้างความเท่าเทียมในชั้นเรียนในระดับมาก การสนับสนุนการใช้เหตุผลและวิจารณญาณในระดับปานกลาง และการร่วมสร้างข้อสรุปในชั้นเรียนในระดับน้อย และพบว่านักเรียนมีพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงความเป็นพลเมืองในด้านต่าง ๆ ในระดับที่แตกต่างกัน ได้แก่ การเปิดใจรับฟังและการคิดอย่างมีเหตุผลและวิจารณญาณอยู่ในระดับมาก การมีส่วนร่วมตัดสินใจเพื่อส่วนรวมอยู่ในระดับปานกลาง และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอยู่ในระดับน้อย
3. โมบายแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานหลัก 2 ด้าน ได้แก่ 1) สถานการณ์จำลองสำหรับครูเพื่อประเมินทักษะการวิเคราะห์วาทกรรมพลเมือง 2 ประเภท ได้แก่ สถานการณ์แบบคำอธิบายและสถานการณ์แบบบทสนทนา รวมจำนวน 20 สถานการณ์ 2) ชุดคำถามสำหรับวิเคราะห์คุณลักษณะความเป็นพลเมืองของนักเรียนและคำแนะนำสำหรับครูในการปรับปรุงการสอน จำนวน 12 ข้อ และมีฟังก์ชันการทำงานที่พัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่ การให้ความรู้และแนวทางการจัดอภิปรายในชั้นเรียนเพื่อสร้างเป็นวาทกรรมพลเมือง และการแนะนำแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่ได้จาการสังเคราะห์งานวิจัยที่ครูสามารถนำไปปรับใช้ในห้องเรียนเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง
4. โมบายแอปพลิเคชันมีความง่ายในการใช้งาน มีประโยชน์จากการใช้งาน และมีคุณค่าของการใช้งานในระดับค่อนข้างสูง