Abstract:
การศึกษาเปรียบเทียบอัตราการผสมติดของแม่โคพันธุ์ลูกผสมโฮลสไตน์ฟรีเชียนในฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในช่วงเดือนตุลาคม 2542 - มีนาคม 2543 ระหว่างแม่โคที่ถูกเหนี่ยวนำการเป็นสัดและการตกไข่แล้วกำหนดเวลาการผสมเทียมและแม่โคที่ได้รับการผสมเทียมตามโปรแกรมการจัดการปกติของฝูง โดยสุ่มแบ่งแม่โคออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1) กลุ่มแม่โคที่เหนี่ยวนำการเจริญของฟอลลิเคิลด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนชนิดสอดเข้าช่องคลอด (ClDR-B )® ร่วมกับฉีดเอสตร้าไดออล เบนโซเอทและพรอสตาแกลนดิน เอฟ ทู อัลฟา และทำการผสมเทียมที่เวลา 54-60 ซม.หลังจากถอดโปรเจสเตอโรนออก (จำนวน 103 ตัว) และ 2) กลุ่มแม่โคที่เป็นสัดตามธรรมชาติและทำการผสมเทียม 12 ชม.หลังจากพบอาการเป็นสัดและยืนนิ่ง (จำนวน 132 ตัว) ผลการทดลองพบว่าอัตราการผสมติดของแม่โคกลุ่มที่เหนี่ยวนำการเป็นสัดแล้วผสมเทียมแบบกำหนดเวลาสูงกว่ากลุ่มแม่โคที่ผสมเทียมตามการจัดการปกติของฝูงอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ (29.13 % และ 18.18 %ตามลำตับ; p<0.05) อัตราการผสมติดของแม่โคที่เหนี่ยวนำการเป็นสัดร่วมกับการฉีดเอสตร้าไดออล เบนโซเอท1 มก.หลังจากถอดโปรเจสเตอโรนออก 24 ชม. (31.58 %; จำนวน 57 ตัว) มีแนวโน้มสูงกว่าแม่โคที่ไม่ได้รับการฉีดเอสตร้าไดออล เบนโซเอท หลังจากถอดโปรเจสเตอโรนออก (26.10 %;จำนวน 46 ตัว) แต่ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ (p>0.05) สรุปได้ว่าโปรแกรมการเหนี่ยวนำการเจริญ ของฟอลลิเคิลและการตกไข่นี้ สามารถนำมาใช้เพื่อเหนี่ยวนำการเป็นสัดส่วนแล้วทำการผสมเทียมแบบกำหนดเวลาโดยไม่ต้องสังเกตอาการเป็นสัดและสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางการสืบพันธุ์ของฝูงโคนม