Abstract:
การศึกษาครั้งนี้เป็นการเปรยบเทียบประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ของแม่โคนมโดยการใช้โปรแกรมการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและตกไข่พร้อมกันในโค แม่โคนมลูกผสมโฮลสไตน์ฟรีเซียนที่มีระยะหสังคลอด 40-70 วันและมีวันคลอดใกล้เคียงกันจำนวน 60 ตัวถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มควบคุม (n=30) โคจะได้รับวิธีการจัดการผสมพันธุ์ตามปกติโดยตรวจการเป็นสัดและผสมเทียมตามกฎเช้า-บ่าย โคในกลุ่มทดลอง (n=30) จะได้รับการฉีดจีเอ็นอาร์เอช 100 ไมโครกรัมเข้ากล้ามเนื้อและ 7 วันต่อมาจะได้รับการฉีดพรอสตาแกลนดิน 500 ไมโครกรัม หลังจากนั้น 48 ชั่วโมง ฉีดจีเอ็นอาร์เอช ครั้งที่ 2 จำนวน 100 ไมโครกรัมและผสมเทียมที่ 16-18 ชั่วโมงต่อมาแต่ละครั้งที่ฉีดฮอร์โมนโคจะได้รับการเจาะเลือดเพี่อนำซีรั่มมาตรวจระดับโปรเจสเตอโรนด้วยวิธี RIA ผลการศึกษาพบว่าอัตราการตั้งท้องหลังจากผสมครั้งแรกภายใน 90 วันมีค่าไม่แตกต่างกันโดยกลุ่มทดลองมีค่า 30.0% และกลุ่มควบคุมมีค่า 13.3% อัตราการตั้งท้องภายใน 90 วันหลังคลอดในกลุ่มทดลองมีค่าสูงกว่าควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (40.0% เปรียบเทียบกับ 16.7% ; p<0.05) กลุ่มทดลองมีระยะคลอดถึงผสมครั้งแรกตํ่ากว่ากลุ่มควบคุม (63.8 ± 2.18 วัน เปรียบเทียบกับ 81.4 ± 5.72 วัน) ระยะคลอดถึงผสมติดจากการผสมครั้งแรกในกลุ่มทดลองมีแนวโน้มตํ่ากว่ากลุ่มควบคุม (61.33 ± 3.95 เปรียบเทียบกับ 78.29 ± 9.87 วัน) อัตราผสมติดจากการผสมครั้งแรกไม่มีความแตกต่างกันโดยมีค่า 30.0% ในกลุ่มทดลองและมีค่า 20% ในกลุ่มควบคุม จากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับโปรเจสเตอโรน พบว่าระดับโปรเจสเตอโรนมีความสัมพันธ์กับการตั้งท้อง สรุปผลการศึกษาในครั้งนี้การใช้โปรแกรมการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและตกไข่พร้อมกันในโคนมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ในโคนมช่วงหลังคลอดภายใน 90 วันเนื่องจากสามารถเพิ่มอัตราการได้รับการผสม เพิ่มอัตราการตั้งท้องภายใน 90 วันหลังคลอดและลดระยะคลอดถึงผสมครั้งแรกได้