Abstract:
การวิชัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบความตรงเชิงโครงสร้าง ความเที่ยง ความคงที่ในการตอบค่าเฉลี่ยของคะแนนการตอบและฟังก์ชันสารสนเทศของมาตร'วัดเจตคติแบบลิเคิร์ทที่มีทิศทางการเรียงมาตรและความเข้มของข้อความต่างยันและศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างทิศทางการเรียงมาตรและความเข้มขอข้อความที่มีต่อค่าเฉลี่ยของคะแนนตอบ ความเที่ยงและความคงที่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ มาตรวัดเจตคติต่อวิชาชีพครูแบบลิเคิร์ท จำนวน 6 ฉบับ กลุ่มตัวอย่าง คอ นิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 208 คน วิเคราะห์หาค่าสถิติพื้นฐาน วิเคราะห์ค่าความเที่ยงตามสูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของ ครอนบาค วิเคราะห์ความตรงเชิงโครงสร้างด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันโดยโปรแกรม LISREL 8.10 วิเคราะห์ความคงที่ในการตอบโดยการทดสอบความแตกต่างระหว่างตำแหน่งของผู้ตอบในมาตรวิดแต่ละฉบับ วิเคราะห์ฟังก์ชันสารสนเทศของมาตรวัดโดย ใช้โปรแกรม PARSCALE ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้ 1. มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทิศทางการเรียงมาตรและความเข้มของข้อความที่มีต่อค่าเฉลี่ยของคะแนนตอบ โดยมาตรวัดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวกให้คะแนนเฉลี่ยสูงกว่ามาตรวัดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงบวกไปหาเชิงลบ เมื่อความเข้มของข้อความเป็นอย่างมากและอย่างปานกลาง แต่ในกรณีที่ความเข้มของข้อความเป็นอย่างอ่อน ค่าเฉลี่ยของคะแนนการตอบจากมาตรวิดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงบวกไปหาเชิง ลบสูงกว่ามาตรวิดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวก 2. ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทิศทางการเรียงมาตรและความเข้มของข้อความที่มีต่อความเที่ยงของคะแนนการตอบกล่าวคอ มาตรวัดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวกให้ค่าความเที่ยงของมาตรวิดสูงกว่ามาตรวัดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงบวกไปหาเชิงลบในทุกระดับความเข้มของข้อความ 3. มาตรวิดเจตคติทั้ง 6 ฉบับ มีความตรงเชิงโครงสร้างไม่ต่างกัน 4. ไม่มีความคงที่ในการตอบของผู้ตอบในแต่ละมาตรวัด และไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเข้มของข้อความและทิศทางการเรียงมาตรต่อความคงที่ในการตอบของผู้ตอบ 5. ในชิวงระดับเจตคติตํ่าถึงปานกลาง (-3<0<0) มาตรวิดฉบับที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวกและความเข้มของข้อความอย่างมาก ให้ฟังก์ชันสารสนเทศสูงสุด แต่ในชิวงเจตคติสูง (.5<0<3) มาตรวัดฉบับที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวกและความเข้มของข้อความอย่างอ่อน ให้ฟังก์ชันสารสนเทศสูงสุด และเมื่อพิจารณาอัตราส่วนสารสนเทศเฉลี่ย พบว่ามาตรวัดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงลบไปหาเชิงบวกมี อัตราส่วนสารสนเทศเฉลี่ยสูงกว่ามาตรวิดที่มีทิศทางการเรียงมาตรจากเชิงบวกไปหาเชิงลบไนทุกระดับความเข้ม