Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความคลาดเคลื่อนในการพยากรณ์จากวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์วิธีของบ๊อกซ์ที่ใช้และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคของโมเดลอริมาอินเตอร์เวนชัน และวิธีการวิเคราะห์การถดถอย ในการพยากรณ์ข้อมูลอนุกรมเวลาทางการศึกษาที่คงที่และไม่คงที่ โดยใช้เกณฑ์ในการเปรียบเทียบจากการวัดความคลาดเคลื่อน 6 วิธี ได้แก่ RM SE , M dAPE , MAPE, GM RAE , MdRAE และ Percent Better ฐานข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้มี 2 ฐาน ฐานแรกคือข้อมูลอนุกรมเวลาจำนวนผู้เข้าใช้บริการในศูนย์บรรณสารสนเทศทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยผู้วิจัยใช้ฐานข้อมูลของเอกภพ ยานะวิมุติ ในปีการศึกษา 2543 และเก็บรวบรวมเพิ่มเติมจากบันทึกสถิติ เป็นชุดของข้อมูลอนุกรมเวลารายเดือนจำนวน 101 ช่วงเวลา ฐานที่สองคือข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือระหว่างห้องสมุดของอาจารย์ นิสิต และบุคลากร ภายนอกคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากศูนย์บรรณสารสนเทศทางการศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นชุดของข้อมูลอนุกรมเวลารายเดือนจำนวน 101 ช่วงเวลา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การหาค่าสถิติพื้นฐาน การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่แสดงแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาลโดยการพล๊อตกราฟและการวิเคราะห์การถดถอย การพยากรณ์ด้วยวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ วิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคของโมเดลอริมาอินเตอร์เวนชัน และการวิเคราะห์การถดถอยโดยใช้ตัวแปรดัมมี่ และตรวจสอบผลการพยากรณ์แต่ละวิธีด้วยค่าวัดความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ์ 6 ค่า ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1.ข้อมูลอนุกรมเวลาจำนวนผู้เข้าใช้บริการในห้องสมุดมีแนวโน้มควอดราติกและมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาล โดยมีการรวมโมเดลแบบบวก และข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือระหว่างห้องสมุดมีแนวโน้มเส้นตรงและมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาล โดยมีการรวมโมเดลแบบคูณ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.ข้อมูลอนุกรมเวลาจำนวนผู้เข้าใช้บริการในห้องสมุด สำหรับการพยากรณ์ด้วยวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ให้ค่าวัดความคลาดเคลื่อนจากวิวธี MdAPE และ GMRAE น้อยที่สุด และสำหรับการพยากรณ์ด้วยวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคขอองโมเดลอริมาอินเตอร์เวนชันให้ค่าวัดความคลาดเคลื่อนจากวิธี RMSE, MAPE, Md REA และ Percent Better น้อยที่สุด และข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือระหว่างห้องสมุด สำหรับการพยากรณ์ด้วยวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ให้ค่าวัดความคลาดเคลื่อนจากวิธี RMSE, MdAPE และ MdRAE น้อยที่สุด และสำหรับการพยากรณ์ด้วยวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคของโมเดลอริมาอินเตอร์ชันให้ค่าวัดความคลาดเคลื่อนจากวิธี MAPE, GMRAE และ Percent Better น้อยที่สุด 3.วิธีการพยากรณ์ที่เหมาะสมสำหรับข้อมูลอนุกรมเวลาจำนวนผู้เข้าใช้บริการในห้องสมุด คือ วิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคของโมเดลอริมาอินเตอร์เวนชัน และสำหรับข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือระหว่างห้องสมุด คือ วิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ และวิธีของบ๊อกซ์และเจนกินส์ที่ใช้เทคนิคของโมเดลอริมาอินเตอร์เวชัน