Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความคลาดเคลื่อนระหว่างวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ที่ใช้โมเดลสมการเชิงโครงสร้างกับวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ที่ใช้ตัวบ่งชี้นำ ในกาพยากรณ์ข้อมูลอนุกรมเวลาทางการศึกษาที่ไม่คงที่ โดยพยากรณ์ล่วงหน้า 5 ช่วงเวลา และตรวจสอบผลการพยากรณ์โดยใช้ค่าวัดความถูกต้องของการพยากรณ์ 6 ค่า ได้แก่ RMSE, MAPE, MdAPE, MdRAE, GMRAE และ Percent Better เป็นเกณฑ์ ฐานข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ฐานข้อมูลของบำเพ็ญ ปิดชิด (2540) และเก็บรวบรวมเพิ่มเติมจากบันทึกสถิติ เป็นชุดของข้อมูลอนุกรมเวลารายเดือน 4 ชุดที่มีลักษณะที่ไม่คงที่ ได้แก่ ปริมาณการยืมหนังสือ ทั่วไป หนังสือสำรอง วิทยานิพนธ์ และผู้เข้าใช้บริการ จำนวน 90, 48, 90 และ 90 ช่วงเวลา ตามลำดับ ของศูนย์บรรณสารสนเทศ ทางการศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่แสดงแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาลด้วยกราฟและการวิเคราะห์การถดถอย การพยากรณ์ด้วยการวิเคราะห์อนุกรมเวลาวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ที่ใช้โมเดลสมการเชิงโครงสร้าง วิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ที่ใช้ตัวบ่งชี้นำและวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ และตรวจสอบผลการพยากรณ์แต่ละวิธีด้วยค่าวัดความถูกต้องของการพยากรณ์ 6 ค่า ผลจากการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือทั่วไปมีแนวโน้มแบบควอดราติก และมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาล อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีการรวมโมเดลแบบบวก ปริมาณการยืมหนังสือสำรองมีแนวโน้มแบบเส้นตรงและมีการ เปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีการรวมโมเดลแบบบวก ปริมาณการยืมวิทยานิพนธ์ และ ผู้เข้าใช้บริการมีแนวโน้มแบบควอดราติก และมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤดูกาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีการ รวมโมเดลแบบคูณ 2. ผลการวิเคราะห์อนุกรมเวลาปริมาณการยืมสิ่งพิมพ์ พบว่าโมเดลที่เหมาะสมกับข้อมูลปริมาณการยืมหนังสือทั่วไป คือ IMA(2,1)xSARI(1,1)12 ค่าพยากรณ์ในเดือนธันวาคม 2542 ถึงเดือนเมษายน 2543 ได้ค่าพยากรณ์ดังนี้ 7,105, 8,020, 8,903, 4,906 และ 5,364 เล่ม ตามลำดับ โมเดลที่เหมาะสมกับข้อมูลปริมาณการยืมหนังสือสำรอง คือ ARI(1,1)xSARI(1,1)12 ค่าพยากรณ์ในเดือน มิถุนายน 2539 ถึงเดือนตุลาคม 2539 ได้ค่าพยากรณ์ตังนี้ 169, 335, 410, 264 และ 162 เล่ม ตามลำดับ โมเดลที่เหมาะสมกับข้อมูลปริมาณการยืมวิทยานิพนธ์ คือ ARI(2,2)xSARI(1,1)12 ค่าพยากรณ์ในเดือนธันวาคม 2542 ถึงเดือนเมษายน 2543 ได้ค่าพยากรณ์ดังนี้8,871, 9,445, 9,989, 10,281 และ 9,240 เล่ม ตามลำดับ 3. ผลการพยากรณ์ข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมหนังสือทั่วไป และหนังสือสำรองด้วยวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ และผลการพยากรณ์ข้อมูลอนุกรมเวลาปริมาณการยืมวิทยานิพนธ์ด้วยวิธีบ๊อกซ์และเจนกิ้นส์ที่ใช้โมเดลสมการเชิงโครงสร้าง มีขนาดความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด