Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบสมรรถนะที่ประกอบด้วย ความรู้ ทัศนคติ และทักษะ และศึกษาความวิตกกังวลของครูในระดับประถมศึกษาที่มีต่อการจัดการปัญหาพฤติกรรมในชั้นเรียน ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ครูระดับประถมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาล ในเขตกรุงเทพมหานคร ขนาดตัวอย่างวิจัยจำนวน 420 คน ใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน จากนั้นผู้วิจัยส่งแบบสอบถามเกี่ยวกับสมรรถนะและความกังวลของครูไปยังตัวอย่างวิจัย โดยมีตัวอย่างวิจัยตอบกลับทั้งหมด 314 คน (ครูทั่วไป 248 คน ครูการศึกษาพิเศษ 66 คน) คิดเป็นอัตราการตอบกลับ 74.4% วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้วยสถิติเชิงบรรยาย และเปรียบเทียบความแตกต่างของครูจำแนกตามลักษณะโรงเรียนและตำแหน่งงานด้วยสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง (Two way ANOVA) และวิเคราะห์อิทธิผลสมรรถนะของครูในการจัดการปัญหาพฤติกรรมในชั้นเรียนต่อความวิตกกังวลด้วยสถิติการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression) ผลการวิจัยพบว่าครูทั่วไปและครูการศึกษาพิเศษรับรู้ว่าตนเองมีสมรรถนะด้านความรู้ ด้านทัศนคติและด้านทักษะในการจัดการปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนไม่แตกต่างกัน ครูส่วนใหญ่ทั้งครูการศึกษาพิเศษและครูทั่วไปรายงานว่าพวกเขาเลือกใช้เทคนิคการป้องกันปัญหาพฤติกรรมกว่าการเทคนิคการตอบสนองเชิงบวกและลบในการจัดการปัญหาพฤติกรรมในชั้นเรียน นอกจากนี้ในด้านความวิตกกังวล ผลการวิจัยพบว่าทั้งครูการศึกษาพิเศษและครูทั่วไปมีความวิตกกังวลในด้านต่าง ๆ ไม่แตกต่างกัน ครูส่วนใหญ่รายงานว่ารู้สึกว่าตนเองมีความรู้และทักษะไม่เพียงพอในการจัดการปัญหาพฤติกรรม โดยมีความวิตกกังวลด้านความช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้อื่น โดยเฉพาะจากผู้ปกครองของนักเรียนมากที่สุด นอกจากนี้พบว่าสมรรถนะของครูส่งผลทางบวกและลบต่อความวิตกกังวลของครูแต่ส่งผลน้อย ผลการวิจัยครั้งนี้สนับสนุนว่าทั้งครูการศึกษาพิเศษและครูทั่วไปยังต้องการการพัฒนาทางวิชาชีพในการช่วยเหลือพฤติกรรมด้วยวิธีเชิงบวก (Positive Behaviour Support) ต่อไป