Abstract:
เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้มีการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรม จากการที่ได้รับประโยชน์จากการส่งผ่านเทคโนโลยี ทักษะการผลิตและการจัดการจากประเทศผู้ลงทุน อันจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตตลอดจนประสิทธิภาพแรงงานมีค่าสูงขึ้น แต่จาก การศึกษาในประเทศกำลังพัฒนาบางแห่งพบว่า ผลประโยชน์จากการส่งผ่านนี้มีปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในของแต่ละประเทศ ในการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาผลกระทบของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศต่อประสิทธิภาพแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิระดับหมวดอุตสาหกรรมของภาคอุตสาหกรรมการผลิตจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจำนวน 23 หมวดอุตสาหกรรม ศึกษาในปี พ.ศ. 2540-2546 โดยวีธีเชิงปริมาณโดยการคาดประมาณด้วยกำลังสองน้อยสุดเพื่อศึกษาผลกระทบของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศต่อประสิทธิภาพแรงงาน และวิธีการเชิงพรรณนาเพื่ออธิบายถึงสัดส่วนการร่วมทุนและสภาพอุตสาหกรมในแต่ละหมวดอุตสาหกรรม ผลการศึกษาในเชิงปริมาณ พบว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพแรงงานที่มีต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนโรงงานที่มีการร่วมทุนจากต่างประเทศต่อโรงงานทั้งหมด มีผลการเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้าม ส่วนอัตราการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพแรงงานที่มีต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนทุนต่อแรงงาน, สัดส่วนแรงงานที่มีทักษะต่อแรงงานผลิต และสัดส่วนรายรับต่อจำนวนโรงงาน มีผลการเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับผลการศึกษาเชิงพรรณนาที่พบว่า หมวดอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนทุนต่อแรงงาน, สัดส่วนแรงงานที่ทักษะต่อแรงงานผลิต และสัดส่วนรายรับต่อโรงงาน ในสัดส่วนที่สูง จะมีประสิทธิภาพแรงงานสูง แต่สัดส่วนโรงงานที่มีการร่วมทุนต่อโรงงานทั้งหมดไม่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพแรงงาน จากผลการศึกษาที่พบว่าสัดส่วนการร่วมทุนจากต่างประเทศมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับประสิทธิภาพแรงงาน อาจเนื่องมาจากภาคอุตสาหกรรมไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการลงทุนทางตรง ดังนั้นภาครัฐควรมีนโยบายที่จะลดข้อจำกัดในการส่งผ่านเทคโนโลยี การหาตลาดรองรับกำลังการผลิต และภาคเอกชนมีการสนับสนุนการฝึกอบรมการเพิ่มทักษะการผลิตของแรงงาน อันจะนำไปสู่ประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมและประสิทธิภาพแรงงานที่สูงขึ้น