Abstract:
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลฉับพลันและผลของการฝึกออกกำลังกายแบบสลับช่วงต่อการตอบสนองทางสรีรวิทยา การใช้พลังงาน การทำงานของหลอดเลือด และสมรรถภาพทางกายในผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง สำหรับการศึกษาผลฉับพลัน กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายและหญิง มีอายุตั้งแต่ 18-50 ปี แบ่งเป็น ผู้ที่มีน้ำหนักปกติ ค่าดัชนีมวลกาย 18.5-22.9 กิโลกรัม/เมตร2 จำนวน 12 คน และผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง ค่าดัชนีมวลกาย ≥ 37.5 กิโลกรัม/เมตร จำนวน 12 คน ก่อนและหลังการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง และแบบสลับช่วง ทำการทดสอบตัวแปรด้านสรีรวิทยา การทำงานของหลอดเลือด การใช้พลังงาน และคะแนนความสนุกสนาน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการการวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดซ้ำ (2x3) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยวิธี LSD ที่ระดับ .05 จากนั้นนำผลที่ได้จากการศึกษาที่ 1 มาใช้ในการศึกษาผลของการฝึกออกกำลังกายในการศึกษาที่ 2 สำหรับการศึกษาผลของการฝึกออกกำลังกายกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายและหญิง อายุ 18-50 ปี จำนวน 26 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักปกติ ค่าดัชนีมวลกาย 18.5-22.9 กิโลกรัม/เมตร2 จำนวน 14 คน และ กลุ่มผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง ค่าดัชนีมวลกาย ≥ 37.5 กิโลกรัม/เมตร จำนวน 12 คน ทำการฝึกออกกำลังกายแบบสลับช่วงโดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วง 1-6 สัปดาห์ ออกกำลังกายระดับความหนักสูงที่ 75-85 % อัตราการเต้นหัวใจสำรอง (HRR) เป็นเวลา 1 นาที สลับกับช่วงออกกำลังกายระดับเบาที่ 45-55 % HRR เป็นเวลา 4 นาที จำนวน 6 รอบ ระยะที่ 2 ช่วง 7-12 สัปดาห์ ออกกำลังกายที่ความหนักเท่าเดิมแต่เพิ่มรอบการออกกำลังกายเป็น 8 รอบ 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ และในการฝึกออกกำลังกายแต่ละครั้งมีการอบอุ่นร่างกาย 10 นาที และคลายอุ่น 15 นาที ทดสอบตัวแปรด้านองค์ประกอบของร่างกาย การทำงานของหลอดเลือด สมรรถภาพทางกาย สารชีวเคมีในโลหิต และคุณภาพชีวิตก่อนและหลังฝึก 12 สัปดาห์ ทำการวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดซ้ำ (2x2) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยวิธี LSD ที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัย มีดังนี้
การศึกษาผลฉับพลันของการออกกำลังกาย พบว่า ผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงมีการใช้พลังงานในระหว่างการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องและการออกกำลังกายแบบสลับช่วงสูงกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกติ ความสนุกสนานของกิจกรรมการออกกำลังกายแบบสลับช่วงสูงกว่าการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีการขยายตัวของหลอดเลือดหลังการปิดกั้นการไหลเวียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ทั้งในกลุ่มผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงและกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักปกติ การศึกษาผลของการฝึกออกกำลังกายแบบสลับช่วง พบว่า ผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงมีมวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก และมีเปอร์เซ็นต์การขยายตัวของหลอดเลือดเมื่อถูกปิดกั้นการไหลเวียนเพิ่มสูงขึ้นและมีความหนาของผนังหลอดเลือดลดลง ผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกติ โดยมีความอดทนของกล้ามเนื้อ (การลุกนั่ง 60 วินาที) และความอ่อนตัวสูงขึ้น สมรรถภาพการใช้ออกซิเจนสูงสุดมีค่าสูงขึ้นในผู้ที่มีน้ำหนักปกติ อัตราการเผาผลาญพลังงานขณะพักและการเผาผลาญไขมันเพิ่มมากขึ้นในผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง โลวเดนซิตี้ไลโปโปรตีนลดลงในผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง เลปตินลดลง อะดิโพเนคตินและไฮเดนซิตี้ไลโปโปรตีนเพิ่มสูงขึ้นในผู้ที่มีน้ำหนักปกติ คุณภาพชีวิตในกลุ่มผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงมีคะแนนน้อยกว่ากลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 สรุปได้ว่า การออกกำลังกายแบบสลับช่วงสามารถนำไปใช้ในการออกกำลังกายในผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงได้โดยสามารถพัฒนาองค์ประกอบของร่างกาย การทำงานของหลอดเลือด และความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเนื้อ โดยไม่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและมีความสนุกสนาน