Abstract:
การศึกษาการลดเจตคติรังเกียจกลุ่มด้วยวิธีการมองจากมุมของผู้อื่นในต่างประเทศมีจำนวนมาก แต่ในไทยการศึกษาเรื่องนี้ยังคงมีจำนวนน้อย การศึกษาที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทการเป็นตัวแปรกำกับของการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ ในการส่งอิทธิพลของการมองจากมุมของผู้อื่นที่มีต่อการลดเจตคติรังเกียจแบบเด่นชัด เจตคติรังเกียจกลุ่มแบบแอบแฝง และการเพิ่มพฤติกรรมช่วยเหลือ ผลการศึกษาที่ 1.1 จากนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 112 คน พบว่าบุคคลในเงื่อนไขการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ทางลบเมื่อมีการมองจากมุมของผู้อื่นจะสามารถลดเจตคติรังเกียจบุคคลรักเพศเดียวกันได้มากกว่าบุคคลในเงื่อนไขการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ทางบวก ผลการศึกษาที่ 1.2 จากนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 152 คน พบว่าอิทธิพลของการมองจากมุมของผู้อื่นที่มีต่อการลดเจตคติรังเกียจชาวพม่าแบบเด่นชัด การลดเจตคติรังเกียจชาวพม่าแบบแอบแฝง และการเพิ่มพฤติกรรมช่วยเหลือไม่มีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มเงื่อนไขควบคุมการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ กลุ่มเงื่อนไขการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ทางลบ และกลุ่มเงื่อนไขการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ทางบวก การศึกษาที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทการเป็นตัวแปรกำกับของการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ ในการส่งอิทธิพลของการมองจากมุมของผู้อื่นที่มีต่อเจตคติรังเกียจกลุ่มแบบเด่นชัด โดยส่งผ่านการระบุตัวตนกับกลุ่มของตน การคล้อยตามบรรทัดฐาน และการรวมตนเองกับเป้าหมาย ผลการศึกษาจากนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 271 คน พบว่าการส่งผ่านอิทธิพลของการมองจากมุมของผู้อื่นไปยังเจตคติรังเกียจกลุ่มแบบเด่นชัดไม่มีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มเงื่อนไขควบคุมการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ และกลุ่มเงื่อนไขการเห็นคุณค่าในตนเองจากความสัมพันธ์ทางบวก ข้อค้นพบนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าการนำเทคนิคการมองจากมุมของผู้อื่นมาปรับใช้จำเป็นต้องคำนึงถึงบริบททางวัฒนธรรมร่วมด้วย