Abstract:
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบย้อนหลัง เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของขนาดการใช้ยา LMWH กับผลลัพธ์ทางคลินิกด้านประสิทธิภาพซึ่งประเมินจากอาการแสดงทางคลินิกและผลภาพถ่ายทางรังสีวิทยาของหลอดเลือด และด้านความปลอดภัยซึ่งประเมินจากการเกิดเลือดออกในผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะ VTE รวมถึงศึกษาปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อผลลัพธ์ทางคลินิกข้างต้น เช่น เพศ อายุ ระยะของโรคมะเร็ง เป็นต้น โดยเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่ศูนย์ให้ยาเคมีบำบัดแบบผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงกุมภาพันธ์ 2562 จำนวน 140 ราย
ผลการศึกษาพบว่าขนาดการใช้ยา enoxaparin มีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ทางคลินิกทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย พบว่าขนาดยาสูงกว่ามาตรฐานทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางคลินิกดีขึ้น (ร้อยละ 100) มากกว่าขนาดมาตรฐาน (ร้อยละ 90.4) และขนาดต่ำกว่ามาตรฐาน (ร้อยละ 54.2) (P<0.001) เช่นเดียวกับการประเมินอาการด้วยภาพถ่ายทางรังสีวิทยาซึ่งพบว่าขนาดยาสูงกว่ามาตรฐานทำให้ผู้ป่วยมีผลภาพถ่ายทางรังสีวิทยาดีขึ้น (ร้อยละ 80) มากกว่าขนาดมาตรฐาน (ร้อยละ 77.1) และขนาดต่ำกว่ามาตรฐาน(ร้อยละ 34.0) P<0.001) นอกจากนี้พบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ในระยะ 2-3 มีอาการทางคลินิกดีขึ้น (ร้อยละ 100) มากกว่าระยะลุกลาม (ร้อยละ 69) (P=0.010) และผลภาพถ่ายทางรังสีวิทยาของหลอดเลือดก็ดีกว่าเช่นเดียวกัน (ร้อยละ 93.8 และ 50.0 ตามลำดับ ,P=0.001) ด้านความปลอดภัย พบว่าขนาดการใช้ยาสัมพันธ์กับการเกิดเลือดออก (P<0.001) ขนาดยาสูงกว่ามาตรฐานทำให้ผู้ป่วยเกิดเลือดออกมากที่สุดร้อยละ 57.1 รองลงมาคือขนาดมาตรฐานและต่ำกว่ามาตรฐานซึ่งเกิดเลือดออกใกล้เคียงกันคือร้อยละ 8.6 และ 9.5 ตามลำดับ และพบว่าเพศหญิงเกิดเลือดออกที่รุนแรง (ร้อยละ 10.8) มากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 1.8) (P=0.037)