Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายในการดำเนินการจัดเก็บค่าใช้น้ำในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการศึกษาการดำเนินการจัดเก็บค่าใช้ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง และพระราชบัญญัติน้ำบาดาลเพื่อนำมาวิเคราะห์ให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรค์ในการดำเนินการจัดเก็บค่าใช้น้ำ โดยมีการศึกษาการจัดเก็บค่าใช้น้ำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อนำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบแนวคิดทฤษฎีและรูปแบบกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าใช้น้ำเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าใช้น้ำของประเทศไทย
ผลจากการศึกษาพบว่าในปัจจุบันมาตรการทางกฎหมายในการดำเนินการจัดเก็บค่าใช้น้ำในประเทศไทยไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากการกำหนดประเภทกลุ่มผู้ใช้น้ำ และการกำหนดอัตราค่าใช้น้ำยังไม่มีความเหมาะสมกับทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่ ตลอดถึงลักษณะกิจกรรมการใช้น้ำของผู้ใช้น้ำ ทั้งนี้ สาเหตุเกิดจากความไม่ชัดเจน และช่องว่างของกฎหมายในการกำหนดกลุ่มประเภทผู้ใช้น้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษามาตรการในการจัดเก็บค่าใช้น้ำในบางประเทศพบว่า มีการกำหนดกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ครอบคลุมและชัดเจน มีการกำหนดอัตราค่าใช้โดยคำนึงถึงลักษณะพื้นที่ และสามารถตอบสนองความต้องการในการใช้น้ำของประชาชนได้อย่างทั่วถึง
วิทยานิพนธ์เล่มนี้จึงมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุง ปรับปรุงกฎหมายในการกำหนดประเภทผู้ใช้น้ำให้มีความชัดเจน และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และในการกำหนดอัตราค่าใช้น้ำควรคำนึงถึงลักษณะพื้นที่ และสภาพของทรัพยากร และรับฟังความเห็นของผู้ใช้น้ำ ตลอดถึงควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดลักษณะกิจกรรมการใช้น้ำ หลักเกณฑ์ในลดยกเว้น ลดหย่อนค่าใช้น้ำ และหลักเกณฑ์ด้านการผ่อนชำระค่าใช้น้ำ เพื่อลดปัญหาการค้างชำระ รวมทั้งควรปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บค่าใช้น้ำให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน