Abstract:
ในการบัญญัติกฎหมายให้ครอบคลุมกับทุกกิจกรรมในสังคมเป็นเรื่องที่พิจารณาว่าเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง ในระบบกฎหมาย
ซีวิลลอว์ จึงอาจเกิดปัญหาช่องว่างแห่งกฎหมายเมื่อผู้ใช้กฎหมายไม่สามารถแสวงหาบทบัญญัติของกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาปรับแก่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ประกอบกับการที่ผู้พิพากษามีหน้าที่ต้องพิพากษาคดี จะปฏิเสธการตัดสินคดีโดยอ้างว่าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะใช้บังคับแก่คดีหรือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะใช้บังคับนั้นเคลือบคลุมหรือไม่บริบูรณ์ไม่ได้ ดังนั้น นิติวิธีในระบบกฎหมายจึงเข้ามามีบทบาทเกื้อหนุนให้ผู้ใช้กฎหมายสามารถปรับใช้กฎหมายและแสวงหาวิถีทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ จึงมุ่งศึกษาถึงการใช้นิติวิธีในการเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งเพื่ออุดช่องว่างแห่งกฎหมายในระบบกฎหมายไทย โดยได้ศึกษาบทบัญญัติกฎหมายและหลักการในประเทศสาธารณรัฐอิตาลี ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศสมาพันธรัฐสวิส เป็นตัวอย่างประกอบ
จากการศึกษาพบว่า เรื่องการเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งถูกนำมาปรับใช้แก่คดีด้วยเหตุผลแห่งความเสมอภาคและเป็นธรรม โดยหากปรากฏข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันแต่ไม่ได้รับการพิจารณาบนฐานของกฎหมายเดียวกัน ความอยุติธรรมย่อมเกิดขึ้น ทั้งนี้ ในระบบกฎหมายไทย การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เมื่อวิเคราะห์แล้ว การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งเป็นนิติวิธีตามมาตรา 4 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ซึ่งมาตราดังกล่าวเป็นนิติวิธีที่ถูกนำมาใช้กับทุกสาขากฎหมาย ดังนั้น ในการพิจารณาการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามสาขากฎหมาย จึงต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงหลักการและลักษณะเฉพาะของสาขากฎหมายเอกชนและสาขากฎหมายมหาชนประกอบด้วย นอกจากนี้ ในการศึกษาลงลึกถึงการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามประเภทของบทบัญญัติแห่งกฎหมายลายลักษณ์อักษรในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ทำให้เกิดข้อสังเกตและข้อควรระวังในการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามประเภทของบทบัญญัติแห่งกฎหมายลายลักษณ์อักษรต่อไป อย่างไรก็ตาม การพิจารณาการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งจำต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาการอุดช่องว่างแห่งกฎหมายด้วย
การศึกษาที่ดำเนินมาแล้วในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ จึงนำมาสู่ข้อเสนอแนะใน 2 แง่มุม กล่าวคือ ข้อเสนอแนะในแง่มุมความเข้าใจทางทฤษฎีต่อนิติวิธีในการเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในระบบกฎหมายไทย และข้อเสนอแนะในแง่มุมการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในระบบกฎหมายไทย ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าว ส่งผลให้การปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งเป็นไปตามหลักการและขอบเขตมากยิ่งขึ้น การศึกษานี้ จึงคาดหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยในการปรับใช้การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่คดีตามนิติวิธีในระบบกฎหมายต่อไป