Abstract:
การศึกษาบทเพลงของฟลูตผ่านวรรณกรรมทางดนตรีในรูปแบบของการบรรเลงรวมวงเป็นการสะท้อนถึงอัจฉริยภาพของคีตกวีและระดับความสามารถของนักดนตรีที่บรรเลงในแต่ละยุคสมัย การศึกษาและตีความเพื่อสังเคราะห์ทักษะปฏิบัติผ่านการบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีที่หลากหลาย การบูรณาการทางความคิด การแลกเปลี่ยนมุมมอง และองค์ความรู้เชิงปฏิบัติดนตรี สิ่งเหล่านี้นำมาสู่การตีความบทเพลงผ่านประสบการณ์ รสนิยม การนำเสนอแนวความคิดทางดนตรี ผ่านกระบวนการฝึกฝนอันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการบรรเลง งานวิจัยเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหา องค์ความรู้ พัฒนาการ แนวคิดและบทบาทของเครื่องดนตรีฟลูตในบริบทของการบรรเลงรวมวงจากกลวิธีการบรรเลงและบทประพันธ์ที่เปลี่ยนเพลงตามอิทธิพลแนวคิดของผู้ประพันธ์และยุคสมัยทางดนตรี 2) เพื่อศึกษาแนวทางการบรรเลงจากวรรณกรรมทางดนตรี นำไปสู่การตีความวิเคราะห์สังคีตลักษณ์เพื่อสังเคราะห์ และพัฒนากลวิธีการบรรเลงฟลูตในบริบทของการบรรเลงรวมวง 3) เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการแสดงฟลูตในรูปแบบการบรรเลงรวมวง โดยนำแนวคิดและองค์ความรู้ที่ได้มาเป็นพื้นฐานและบูรณาการร่วมกับการแสดงดนตรีภายใต้กรอบของการบรรเลงที่มีเครื่องดนตรีหลักคือฟลูต นำเสนอผ่านการแสดงคอนเสิร์ต 3 รายการ ผ่านกระบวนการคัดเลือกวรรณกรรมการบรรเลงรวมวงที่สำคัญสำหรับเครื่องดนตรีฟลูต รูปแบบการประสมวงดนตรี เอกลักษณ์และมุมมองของคีตกวีทั้งต่อบทประพันธ์และเครื่องดนตรี และคุณค่าของบทประพันธ์
ภาพสรุปของการสังเคราะห์ประวัติศาสตร์สู่แนวคิดด้านพัฒนาการวรรณกรรมดนตรีฟลูต เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งมุมมองของคีตกวีต่อเอกลักษณ์เครื่องดนตรีฟลูต สังเกตได้ว่าฟลูตนั้นมีอัตลักษณ์ของเครื่องดนตรีในการนำเสนอบทบาทในสัญญะของนกหรือเสียงร้องได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีช่วงระยะเวลาที่เริ่มได้รับความนิยมและเป็นเครื่องดนตรีกระแสนิยมในแต่ละยุคสมัย แต่มิได้หมายความว่าหลังจากผ่านพ้นยุคสมัยเหล่านั้นค่านิยมจะหายสาบสูญจนหมดสิ้นไปทั้งหมด แนวคิดในการบรรเลงนั้นยังคงมีอยู่แม้ช่วงเวลาจะเปลี่ยนผ่านไป เพียงแต่อาจจะลดบทบาทลงเท่านั้น ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ความคิดของสังคมต่อเครื่องดนตรีฟลูตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความเป็นดนตรีแห่งมิตรภาพ เป็นภาพสะท้อนของการบรรยายคุณลักษณะของดนตรีเชมเบอร์ถึงกระบวนการทำงานร่วมกันของนักดนตรีอย่างเป็นระบบทั้งด้านการฝึกซ้อม การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการวิพากษ์เพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นประชาธิปไตยผ่านการพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ ของบทเพลง กล่าวได้ว่าการบรรเลงในวงดนตรีเชมเบอร์นั้นจะต้องมีทักษะพิเศษทั้งในเชิงดนตรีและสังคม โดยสิ่งที่สำคัญและเป็นหัวใจหลักของดนตรีแชมเบอร์นั้น คือ การสื่อสารและกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างนักดนตรี