Abstract:
ข้อมูลผลกระทบจาก Covid-19 ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกและต่อเนื่องถึงทุกภาคส่วนธุรกิจของไทยรวมถึงธุรกิจโรงแรมขณะเดียวกันเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ (Wellness Economy) กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากกระแสการรักสุขภาพซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของสวนดุสิตโพล และ IPG MEDIABAND ว่าคนไทยหันมาให้ความสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้นในปี 2563 จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเห็นโอกาสในการศึกษาการท่องเที่ยวและกิจกรรมเชิงสุขภาพสำหรับสร้างช่องทางในการปรับตัวสร้างรายได้ให้กับโรงแรมที่เจอกับวิกฤตไวรัส Covid-19 วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวที่สนใจท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมเชิงสุขภาพกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่สนใจท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และ เสนอแนะการปรับโรงแรมขนาดเล็กเพื่อสอดรับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยแบบสอบถามเป็นเครื่องมือหลักในการวิจัยโดยใช้สูตรการหาประชากรของ Taro Yamane ระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 95% ได้แบบสอบถามจำนวน 400 ชุด จากนั้นนำข้อมูลจากแบบสอบถามมาหาค่าความสัมพันธ์และนัยทางสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษาอุปสงค์และพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของผู้ที่สนใจท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุระหว่าง 20-29 ปี มีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ย 24,088 บาท และ อายุ 30-39 ปี มีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ย 45,517 บาท พฤติกรรมในการท่องเที่ยวจะเดินทางอย่างมีคุณภาพ และ แสวงหาสิ่งใหม่ ๆ เดินทางร่วมกับเพื่อน และ ครอบครัว มีจำนวนคนร่วมเดินทาง 3-4 คน มีจำนวนวันเข้าพักที่ 3-5 วัน สำหรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริปอยู่ที่ 4,001 – 6,000 บาท จะเดินทางโดยเครื่องบิน และ รถยนต์ส่วนตัว พาหนะที่ใช้ท่องเที่ยวภายในจังหวัดเป็นการเช่ารถยนต์ เช่ารถจักรยานยนต์ และ ใช้บริการรถสาธารณะเป็นหลัก ประเภทกิจกรรมที่ทำระหว่างทริปท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากที่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ยินดีจ่าย หากโรงแรมมีบริการด้านสุขภาพ ร้อยละ 93.7 และ สนใจเข้าพักโรงแรมที่มีบริการด้านสุขภาพ จำนวน 3-5 วัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างความสนใจกิจกรรมเชิงสุขภาพกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงของนักท่องเที่ยวพบว่าตัวแปร อายุ รายได้ และ จำนวนวันเข้าพักมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 วิจัยสามารถสรุปได้ว่านักท่องเที่ยวที่มีอายุระหว่าง 20-39 ปีมีแนวโน้มสนใจทำกิจกรรมเชิงสุขภาพภายนอกโรงแรมที่เป็นลักษณะการผจญภัย เดินป่าชมธรรมชาติ ปั่นจักรยาน และ ถนนคนเดิน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่จะกลับมาใช้บริการกิจกรรมการกดจุด นวด สปา Aroma ขันโตกรับประทานอาหารพื้นเมือง ฟังดนตรีชมการแสดงฟ้อนรำล้านนา และ สอนทำอาหารพื้นถิ่น ภายในโรงแรม การเสนอแนะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความสนใจรูปแบบกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดเชียงใหม่ระดับมากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ควรมีการจัดตั้งเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพโดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์การบริการเพื่อสุขภาพใหม่ ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวในอนาคตสำหรับพัฒนาโปรแกรมการบริการเพื่อสุขภาพที่มีความเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกในเครือข่าย หากผู้ประกอบการสามารถปรับพื้นที่โรงแรมเพื่อรองรับกิจกรรมเชิงสุขภาพหรือบริการข้างต้นจะสามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมาเข้าพักโรงแรมได้