Abstract:
ความสำคัญและที่มา: ไมโคฟีโนลิกแอซิด(mycophenolic acid, MPA) และการทำพลาสมาเฟอเรซิส เป็นกระบวนการรักษาภาวะความผิดปกติจากภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยปลูกถ่ายไต แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนของการทำพลาสมาเฟอเรซิสที่มีผลต่อระดับไมโคฟีโนลิกแอซิด
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ (pharmacokinetic)ของยาMPA โดยการวัดค่า area under the time-concentration curve ที่ 0-12 ชั่วโมง (AUC0-12) ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการตรวจติดตามระดับยาMPA ในเลือดของผู้ป่วย โดยเทียบระหว่างวันที่ทำพลาสมาเฟอเรซิสและวันที่ไม่ได้ทำพลาสมาเฟอเรซิส
ระเบียบวิธีวิจัย: ผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ที่รับประทานยาไมโคฟีโนเลทโมฟีติล(mycophenolate mofetil, MMF) 1,000 มก./วัน และเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการทำพลาสมาเฟอเรซิสที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่พ.ศ.2561-2562 โดยผู้ป่วยจะได้รับการเก็บตัวอย่างเลือดที่ 0, 1/2, 1, 2, 3, 4, 6, 8 และ 12 ชั่วโมงหลังรับประทานยา MMFมื้อเช้า เพื่อนำไปวัดระดับ MPA และนำค่า MPAที่ได้ไปคำนวณหาค่า AUC0-12 ของยาMPA ผู้ป่วยจะได้รับการทำพลาสมาเฟอเรซิสภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากที่ผู้ป่วยรับประทาน MMF มื้อเช้า โดยมีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการติดตามระดับ AUC0-12 ของยาMPA ที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างวันที่ทำและไม่ได้ทำพลาสมาเฟอเรซิส
ผลการศึกษา: ผล AUC0-12 ของ MPA จำนวนทั้งสิ้น 40 AUC โดยเป็น AUC0-12 ในวันที่ไม่ได้ทำพลาสมาเฟอเรซิสจำนวน 20 AUC และในวันที่ทำพลาสมาเฟอเรซิสจำนวน 20 AUC ในผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตทั้งสิ้น 6 ราย ค่าเฉลี่ยของอายุผู้ป่วยคือ 56.2 ±20.7 ปี ผู้ป่วยทุกรายรับประทาน MMF 1,000 มก./วัน ติดต่อกันนานอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมการศึกษา ค่าเฉลี่ยของระดับ AUC0-12 ของยาMPA ในวันที่ทำพลาสมาเฟอเรซิสต่ำกว่าวันที่ไม่ได้ทำพลาสมาเฟอเรซิสอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (28.22 ±8.21 และ 36.79 ±10.29 มก.ชั่วโมง/ลิตร, p=0.001) และร้อยละการลดลงของค่า AUC0-12 ของยาMPA คือร้อยละ 19.49 ±24.83 ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของระดับ AUC ของยาMPA ในช่วง4 ชั่วโมงแรก (AUC0-4) โดยลดลงถึงร้อยละ 23.96 ±28.12
สรุป: การทำพลาสมาเฟอเรซิสมีผลต่อการลดระดับ AUC0-12 ของยาMPA ในเลือดของผู้ป่วย และการศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกที่ใช้การตรวจติดตามค่า AUC0-12 ของยาMPA ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยา MPA และทำพลาสมาเฟอเรซิส โดยการศึกษามีข้อสรุปที่แนะนำว่าควรปรับเพิ่มขนาดของยา MPA ในช่วงที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยการทำพลาสมาเฟอเรซิส หรือแนะนำให้ทำพลาสมาเฟอเรซิสหลังรับประทาน MPA อย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ระดับยา MPA ในเลือดที่เหมาะสม