Abstract:
บทนำ : ในเวชปฏิบัติปัจจุบันเเนะนำการใช้เฟลเคไนด์ในผู้ป่วยที่มีโครงสร้างหัวใจปกติ หรือผิดปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่มาของการเเนะนำดังกล่าวมาจากการศึกษา CAST ซึ่งเป็นการศึกษาที่ตีพิมพ์ตั้งเเต่ปีค.ศ.1989 ซึ่งเป็นการศึกษาเดียวที่เเสดงให้เห็นอัตราการตายที่มากขึ้นจากการใช้ยาเฟลเคไนด์ อย่างไรก็ตามมีการศึกษาหลายการศึกษาที่ตามมา ที่เเสดงความปลอดภัยของการใช้เฟลเคไนด์ในภาวะที่ไม่ใช่โรคหัวใจขาดเลือด จึงเป็นที่มาของงานวิจัยนี้
ระเบียบวิธีการวิจัย : ผู้จัดทำการวิจัย ได้เริ่มจากการคัดกรองผู้ป่วยที่ได้รับยาเฟลเคไนด์อย่างน้อย 1 โดสในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้ทำการทบทวน electronic medical record เพื่อบันทึกข้อมูลพื้นฐาน เเละข้อบ่งชี้ของการให้ยาฟลเคไนด์ ผล echocariography ได้ถูกบันทึกและทบทวนเพื่อความถูกต้อง ผู้ป่วยได้รับการติดตามไป 1 ปีเพื่อประเมินอุบัติการณ์ของ ventricular arrhythmias และอัตราเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ
ผลการศึกษา : หลังจาการทำการคัดกรองผู้ป่วย 447 คนที่ได้รับยาเฟลเคไนด์อย่างน้อย 1 โดส พบว่ามี 107 คน (23.9 เปอร์เซ็นต์) ไม่มีข้อมูล echocardiography และ 4 คนที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี หลังจากคัดผู้ป่วยดังกล่าวออกไปเหลือ 336 คน ที่นำมาศึกษา โดยพบว่า 47 คน (14 เปอร์เซ็นต์) มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจที่นิยามโดยงานวิจัยนี้ ในกลุ่มของคนไข้ที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ มี 2 คนที่เกิด VT/VF ระหว่างการตรวจติดตาม โดยทั้ง 2 คนพบว่ามี VT/VF ก่อนการได้รับยาเฟลเคไนด์อยู่เเล้ว ส่วน 1 คนเสียชีวิตระหว่างการติดตามใน 1 ปีโดยพบว่าเสียชีวิตจากโรคมะเร็งไตระยะกระจาย
บทสรุป : สัดส่วนของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจอยู่ 14 เปอร์เซ็นต์ โดยการศึกษานี้เเสดงให้เห็นว่าอัตราการเกิด VT/VF ไม่ได้ต่างกันระหว่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ กับกลุ่มโครงสร้างหัวใจปกติ ข้อจำกัดของการศึกษานี้คือข้อมูลที่ขาดหายไปของ echocardiography