Abstract:
การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาอำนวย
ความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนและแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านการสื่อสาร และด้านสุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมี
แอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจำนวนมาก จึงมีความน่าสนใจที่จะศึกษาเพื่อ
ประเมินแอปพลิเคชันข้างต้นว่ามีความสอดคล้องกับเกณฑ์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้นสุขภาพและมีความยากง่าย
ของการใช้งานแอปพลิเคชันมากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกใช้ของผู้สนใจ
การวิจัยนี้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจแอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและ
ป้องกันโรคบนสมาร์ตโฟนในระบบปฏิบัติการ OS และ Android ซึ่งจากการสำรวจภายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.
2558 พบแอปพลิเคชันใน 2 ระบบปฏิบัติการจำนวน 400 แอปพลิเคชัน และมี 25 แอปพลิเคชัน (iOS = 12, Android
= 13) ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเข้าและคัดออก หลังจากนั้นได้คัดเลือกแอปพลิเคชันโดยใช้เกณฑ์ Behavior Change
Techniques (BCT) จำนวน 21 เทคนิค และนำแอปพลิคชันในแต่ละระบบปฏิบัติการที่ใช้เทคนิคตามเกณฑ์ BCT มาก
ที่สุด 3 อันดับแรก (Android: Sworkit 7 Minute, Workout และ Endomondo; iOS: 7 Minute Workout
Runkeeper และ Workout Trainer) รวมทั้งหมด 6 แอปพลิเคชันมาทดสอบ Usability Test โดยให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัย
ทดลองใช้งานแอปพลิเคชันตามข้อปฏิบัติที่ผู้วิจัยกำหนด รวบรวมข้อมูลจากการสังเกตหลักฐาน 3 องค์ประกอบ ได้แก่
1. การแสดงออกทางใบหน้า 2. การเคลื่อนไหวของนิ้วมือบนหน้าจอสมาร์ตโฟน 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการสั่งงาน ร่วมกับ
การประเมินความยากง่ายของการใช้งานด้วยแบบประเมิน System Usability Scale (SUS)
ผลการวิจัยพบว่าแอปพลิเคชันที่ผ่านกณฑ์การคัดเข้าและคัดออกจำนวน 25 แอปพลิเคชันใช้เทคนิคตามเกณฑ์
BCT โดยเฉลี่ย 4 เทคนิค โดยแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ใช้เทคนิค BCT ที่เกี่ยวกับการกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยน
พฤติกรรมด้านสุขภาพ และเมื่อนำแอปพลิเคชันที่ใช้เทคนิค BCT สูงสุดจำนวน 6 แอปพลิเคชันมาประเมินความยากง่าย
ในการใช้งาน พบว่ามีเพียงแอปพลิเคชันเดียว (Runkeeper) ที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน SUS โดยพบว่าแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มีปัญหาในด้านขั้นตอนการทำงานที่ไม่สอดคล้องกันหลายตำแหน่ง และผู้ใช้ต้องเรียนรู้การใช้งานแอปพลิเคชันก่อนที่จะเริ่มใช้งาน นอกจากนี้ผู้วิจัยได้จัดทำและเผยแพร่คู่มือการใช้งานแอปพลิเคชัน ผ่านทางเว็บไซต์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้เทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพตนเองมากยิ่งขึ้น