DSpace Repository

มาตรการทางกฎหมายภาษีเพื่อส่งเสริมการแยกขยะขวดน้ำพลาสติก ชนิดกลับมาแปรรูปใช้ใหม่ได้

Show simple item record

dc.contributor.advisor วุฒิพงษ์ ศิริจันทรานนท์
dc.contributor.author ธัญชนก ภัทรรังษี
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
dc.date.accessioned 2021-10-28T08:55:11Z
dc.date.available 2021-10-28T08:55:11Z
dc.date.issued 2563
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77653
dc.description เอกัตศึกษา (ศศ.ม)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563 en_US
dc.description.abstract การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของสังคมเมือง ทำให้ปัจจัยความต้องการอุปโภคและบริโภคมีปริมาณมากขึ้น และเกิดบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีปริมาณและขนาดสำหรับพกพาและการบริโภคที่สะดวกรวดเร็ว เน้นรูปแบบวัสดุ ที่น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะได้ตามความต้องการ ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งเกิดจากการแข่งขันพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อที่จะแสวงหากำไรของผู้ประกอบการ โดยคำนึงถึงแค่การทำให้ต้นทุนต่ำเพื่อให้ราคาสินค้ามีราคาต่ำที่สุด เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคมาบริโภคสินค้าของตน จากสาเหตุดังกล่าวส่งผลให้เกิดขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีปริมาณมากขึ้น และขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกนำไปเผาและฝังกลบรวมกับขยะมูลฝอยทั่วไป ซึ่งจะใช้พื้นที่ในการฝังกลบมากกว่าขยะเศษอาหารประมาณ 3 เท่า เนื่องจากขยะพลาสติก มีปริมาตรสูง เมื่อเทียบกับน้ำหนักและมีความสามารถทนต่อแรงอัดได้ ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพื้นที่ ฝังกลบ นอกจากนี้หากเกิดการรั่วไหลของสารปรุงแต่งหรือสารประกอบที่เป็นพิษของพลาสติก ก็จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนตามมา เช่น ส่งกลิ่นเหม็น เกิดน้ำเสียจากน้ำชะขยะปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดิน ทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและเกิดมลพิษทางอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ปัญหาการจัดการขยะพลาสติก ยังเกิดจากประชาชนขาดองค์ความรู้และจิตสำนึกเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ที่จะลดและคัดแยกขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางหรือแหล่งกำเนิดอย่างถูกวิธี ส่งผลให้ปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า ขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นมีสัดส่วนองค์ประกอบที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยสามารถนำมาแปรรูปใช้ใหม่ได้ร้อยละ 30-35 และนำมาหมักทำปุ๋ยได้ร้อยละ 45-50 แต่ปัจจุบันอัตราการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ มีเพียงร้อยละ 18 ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับขยะมูลฝอยที่มีศักยภาพในการนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้วัสดุจากการรีไซเคิลที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนวัตถุดิบใหม่กลับเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมยังมีน้อย ดังนั้นผู้วิจัยเห็นควรให้ประเทศไทยนำมาตรการที่มีลักษณะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจ ให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากขึ้น ซึ่งมาตรการที่มีลักษณะดังกล่าว ได้แก่ การจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ประกอบกับการใช้ระบบมัดจำขวด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเกิดความใส่ใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาขยะขวดน้ำพลาสติกให้นำกลับมาแปรรูปใช้ใหม่มากขึ้นได้ ดังตัวอย่างเช่น ในประเทศนอร์เวย์ที่ได้มีการจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มควบคู่ไปกับระบบมัดจำ ในวงจรระบบ รีไซเคิล โดยเริ่มต้นจากผู้ประกอบการสินค้าเครื่องดื่มจะถูกเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม และหากเข้าสู่ระบบมัดจำก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดอัตราภาษีหรือยกเว้นภาษีบรรจุภัณฑ์ตามอัตราส่วนการนำกลับมาใช้ใหม่ของขวดบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม และหากสามารถรีไซเคิลขวดบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มได้มากกว่าร้อยละ 95 ก็จะไม่ต้องเสียภาษี โดยจะมีองค์กร Infinitum เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอุตสาหกรรมค้าปลีก เป็นผู้ดูแลระบบการรับคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม รวมทั้งจัดระบบการคืนมัดจำขวด ขนส่ง คัดแยก และนำเข้าโรงงานรีไซเคิล ฯลฯ นอกจากนี้สำหรับผู้บริโภคสินค้าเครื่องดื่มที่มีค่ามัดจำบรรจุภัณฑ์รวมไปในราคาจำหน่าย สามารถคืนขวดได้ตามเครื่องแลกขวดอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ตามร้านค้าต่าง ๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน โดยเครื่องรับคืนขวดจะอ่านข้อมูลบาร์โค้ดบนฉลากก่อนออกใบเสร็จคืนเงินให้ เพื่อนำไปขึ้นเงินสด ใช้จ่ายแทนเงินสด หรือสามารถบริจาคได้ ดังนั้นการจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มประกอบกับการใช้ระบบมัดจำ จะสามารถเข้ามามีส่วนช่วยในการคัดแยกขยะโดยทุกภาคส่วนและเป็นระบบมากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ผู้ค้าปลีก ตลอดจนผู้บริโภค en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2020.149
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject ภาษีสิ่งแวดล้อม en_US
dc.subject ขยะพลาสติก en_US
dc.title มาตรการทางกฎหมายภาษีเพื่อส่งเสริมการแยกขยะขวดน้ำพลาสติก ชนิดกลับมาแปรรูปใช้ใหม่ได้ en_US
dc.type Independent Study en_US
dc.degree.name ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต en_US
dc.degree.level ปริญญาโท en_US
dc.degree.discipline กฎหมายเศรษฐกิจ en_US
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.email.advisor ไม่มีข้อมูล
dc.subject.keyword การจัดการขยะ en_US
dc.subject.keyword ขยะรีไซเคิล en_US
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.IS.2020.149


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record