Abstract:
งานวิจัยฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอวิธีการวางแผนการผลิตโดยใช้แนวคิดระบบผลักและดึงร่วมกัน พร้อมทั้งเสนอนโยบายพัสดุคงคลังทั้งในระดับสินค้าสำเร็จรูปและชิ้นส่วนการผลิต สำหรับธุรกิจ SMEs ประเภทการผลิตแบบประกอบโดยมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทกรณีศึกษามีลักษณะเป็น Make to Stock และ Assemble to Order ที่ใช้ทรัพยากรการผลิตร่วมกัน ทั้งสายการผลิต ชิ้นส่วนการผลิต และวัตถุดิบ ปัจจุบันพบความล่าช้าในการส่งมอบเกินจากที่บริษัทยอมรับได้ 11% งานวิจัยนี้เริ่มต้นจากการรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทและนำมาวิเคราะห์หาปริมาณความต้องการ กำลังการผลิต และค่าใช้จ่ายพัสดุคงคลัง เพื่อใช้ในการกำหนดเงื่อนไขว่ากระบวนการผลิตควรใช้ระบบผลักหรือดึง จากนั้นจึงทำการกำหนดนโยบายพัสดุคงคลังจากการศึกษาลักษณะรูปแบบความต้องการของลูกค้า ระยะเวลานำ ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพัสดุคงคลัง จึงได้นำเสนอ นโยบายระดับคงคลังเป้าหมาย (OUL) สำหรับสินค้าสำเร็จรูป เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต และเสนอนโยบายปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (EOQ) สำหรับชิ้นส่วนการผลิต จากการเปรียบเทียบต้นทุนการสั่งผลิตและต้นทุนการถือครอง จากรูปแบบกระบวนการผลิตผลักและดึงรวมทั้งนโยบายพัสดุคงคลังที่นำเสนอ ได้ถูกนำไปทดสอบการจำลองการวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม Microsoft Excel พบว่า วิธีที่นำเสนอสามารถใช้ระบบดึงกับชิ้นส่วนแผ่นเหล็กได้ 5 รายการและสินค้าสำเร็จรูปได้ 7 รายการ นอกจากนี้นโยบายพัสดุงคลังใหม่ที่นำเสนอสามารถเพิ่มอัตราการเติมเต็มพัสดุได้ 7 ผลิตภัณฑ์ ส่วนอีก 5 ผลิตภัณฑ์ยังสามารถรักษาอัตราการเติมเต็มได้ที่ 100% ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลังทั้งหมดลดลง 29.9% หรือคิดเป็นมูลค่า 92,000 บาทโดยประมาณ