Abstract:
ปัจจุบันอาชญากรส่วนใหญ่มุ่งประกอบอาชญากรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินหรือทรัพย์สินอันเป็นปัจจัยสำคัญ
ในการดำรงชีวิต นอกจากนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีหลายประเภทมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทำให้อาชญากรสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินหรือทรัพย์สินในจำนวนที่มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การประกอบอาชญากรรมมีรูปแบบและวิธีการที่พัฒนาเป็นการกระทำความผิดในรูปแบบองค์กรอาชญากรรม และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งยากต่อการควบคุมและปราบปรามด้วยกฎหมายในลักษณะเดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมและปราบปรามการแปรสภาพของเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด
หรือเรียกว่า "การฟอกเงิน" ซึ่งเป็นการกระทำด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามให้เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดกลายเป็นเงินที่เสมือนว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมลงโทษและยึดเงินนั้น ประเทศไทยจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม
การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559 เพื่อใช้
เป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดช่องทางการเงินของอาชญากร โดยได้กำหนดมาตรการที่ยึดหลักการในข้อแนะนำของคณะทำงาน Financial Action Task Force หรือ FATF ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่หลักในการกำหนดมาตรการด้านต่างๆ เพื่อต่อต้านการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธ
ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ตลอดจนภัยอื่นๆ ที่จะกระทบต่อระบบการเงินระหว่างประเทศ นอกจากนี้ FATF ยังร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อระบุจุดอ่อนด้านต่างๆ ในระดับชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครอง
ไม่ให้มีการนำระบบการเงินระหว่างประเทศไปใช้กระทำความผิด