Abstract:
การวิจัยกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้ โมเดลเลิฟเพื่อสร้างเสริมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) ผลการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้โมเดลเลิฟที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้โมเดลเลิฟ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเจาะจง เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม จานวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง จานวน 30 คน และกลุ่มควบคุม จานวน 30 คน สาหรับเครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้โมเดลเลิฟ 2) แบบวัดความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบวัดความพึงพอใจต่อกิจกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมเดลเลิฟ ซึ่งเครื่องมือได้ผ่านการประเมินคุณภาพด้วยความตรงเชิงเนื้อหา โดยมีค่ามากกว่า 0.5 และมีค่าความเที่ยงรายฉบับ ดังนี้ 1) แบบวัดความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (ความดี 0.82 ความจริง 0.8 และความรู้ปฏิบัติ 0.8) และ 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ความรู้ 0.83 ทัศนคติ 0.81 และการปฏิบัติ 0.82) ทั้งนี้ ผู้วิจัยเก็บข้อมูลด้วยตนเองและมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที (t-test) และความแปรปรวนพหุคูณ (MANOVA) ตลอดจนใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาสาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า 1) หลังเรียน กลุ่มทดลองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และดีกว่ากลุ่มควบคุมในด้านความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) หลังเรียน กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุม ในด้านความรู้ และทัศนคติ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีคะแนนเฉลี่ยในด้านการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้โมเดลเลิฟอยู่ในระดับมาก ดังนั้น จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้โมเดลเลิฟ ช่วย สร้างเสริมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนมีแนวโน้มในการประพฤติตนไปในทางที่ถูกต้อง และนาไปสู่การลดพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพหรือทางเพศต่อไปได้