Abstract:
งานวิจัยนี้ได้ทำการเตรียมแคปซูลอัลจิเนตที่ผสมกลีเซอรอลความเข้มข้นต่าง ๆ เพื่อศึกษา ความสามารถการเป็นพลาสติไซเซอร์ของกลีเซอรอลในแคปซูลอัลจิเนต พบว่ากลีเซอรอลความเข้มข้น 20% โดยปริมาตรต่อปริมาตร ให้ค่าประสิทธิภาพการเตรียมสูงที่สุด และที่ความเข้มข้นนี้ แคปซูลอัลจิเนต 1% และ 2% หลังอบมีขนาด 3.14 ± 0.04 และ 3.61 ± 0.25 มิลลิเมตร ตามลำดับ แคปซูลมีลักษณะเป็น ทรงกลม แต่ความหนาของเปลือกไม่สม่ำเสมอ ในการศึกษาการระเหยออกของสารที่บรรจุในแคปซูลอัลจิ เนต ได้เตรียมแคปซูลอัลจิเนตที่บรรจุน้ำมันมะกรูดและน้ำหอมกลิ่นยูคาลิปตัสทั้งที่ผสมและไม่ผสมกลีเซ อรอลและวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องและติดตามการระเหยออกของน้ำมัน ณ เวลา 0, 2, 4, 6, 8, 10, 15, 20, 25 และ 30 วัน พบว่า 10 วันแรกของแคปซูลน้ำมันมะกรูด กลีเซอรอลช่วยลดการระเหยออกของน้ำมันได้ ดี แต่หลังจากนั้นกลับช่วยให้น้ำมันระเหยได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีน้ำมันมะกรูดเหลืออยู่ในแคปซูล ส่วน ในแคปซูลน้ำหอมกลิ่นยูคาลิปตัส น้ำหอมจะระเหยออกไปอย่างรวดเร็วและระเหยออกหมดในเวลาไม่เกิน 30 วัน อาจเนื่องจากในน้ำหอมมีการผสมสารละลายอินทรีย์ซึ่งช่วยในการระเหยของน้ำมันอยู่ด้วย นอกจากนี้ ได้ศึกษาการแตกออกของแคปซูลในสารละลายเกลือ 4 ชนิด ได้แก่ โซเดียมคลอไรด์ โซเดียม ไฮโดรเจนคาร์บอเนต โพแทสเซียมคลอไรด์และไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต พบว่าโพแทสเซียมไอออนทำ ให้แคปซูลแตกได้เร็วกว่าโซเดียมไอออน และไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออนช่วยให้แคปซูลแตกได้เร็วกว่าแอน ไอออนอื่น ๆ