Abstract:
เปเปอร์ครีต (Papercrete) คือ วัสดุก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคอนกรีต มีความแข็งแรงน้ำหนักเบาและราคาถูก จึงถือได้ว่าเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ในการกระบวนการผลิต ส่วนผสมที่ใช้ในการทำเปเปอร์ครีตจะประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ ทราย และเยื่อกระดาษ โดยกระดาษที่นำมาใช้จะเป็นกระดาษรีไซเคิล ทำให้สามารถลดปัญหาการใช้กระดาษอย่างสิ้นเปลืองและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น งานวิจัยนี้ มีจุดประสงค์ในการศึกษาและเปรียบเทียบผลของกากกระดาษฉลากและกระดาษพิมพ์เขียนใช้แล้วในการทำเปเปอร์ครีต การทดลองจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 แช่เยื่อในน้ำด่างเพื่อให้เยื่อเกิดการแตกตัว พร้อมทั้งนำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นกระดาษ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์สมบัติและการผลิตเปเปอร์ครีต ขั้นตอนที่ 2 ทำการหาอัตราส่วนปูนซีเมนต์ต่อทรายที่พบว่าอัตราส่วนอยู่ที่ 0.75 : 1 ปริมาณสารช่วยไหลตัว 0.5 %โดยน้ำหนัก ที่อุณหภูมิปกติและอัตราส่วนของน้ำต่อซีเมนต์อยู่ที่ 0.35 ซึ่งมีค่าความแข็งแรงสูงและมีค่าความแปรปรวนโดยน้ำหนักต่ำ ขั้นตอนที่ 3 ผสมเยื่อในอัตราส่วน 10 20 และ 30% โดยน้ำหนัก ทำการบ่มที่ระยะเวลา 1 3 7 และ 14 วัน ในสภาวะเปียกและวิเคราะห์ลักษณะสมบัติ พบว่าในการผสมกระดาษใช้แล้วลงในเปเปอร์ครีตส่งผลให้มีค่าความหนาแน่นและค่าความต้านทานกำลังอัดลดลงอีกทั้งมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรมากเมื่อเทียบกับคอนกรีตปกติ เปเปอร์ครีตที่มีการผสมกระดาษ 10% โดยน้ำหนักจึงมีความแข็งแรงมากที่สุด เปเปอร์ครีตที่มีการผสมเยื่อกากกระดาษฉลากมีค่าความต้านทานกำลังอัดเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาในการบ่มและมีค่าสูงสุดอยู่ที่ระยะเวลาบ่ม 14 วัน โดยมีค่าอยู่ที่ 3.55 MPa ส่วนกระดาษพิมพ์ใช้แล้วเขียนมีแนวโน้มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ระยะเวลาการบ่มเดียวกัน เนื่องจากมีความไม่ชอบน้ำต่างกัน เปเปอร์ครีตที่มีการผสมเยื่อกระดาษฉลากจึงเหมาะสมกับการนำมาใช้งานมากกว่าเยื่อกระดาษพิมพ์เขียนใช้แล้วเพราะมีความแข็งแรงสูงกว่า มีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรน้อยกว่าเหมาะสมกับการนำไปใช้งานเป็นวัสดุก่อสร้างมวลเบาภายในอาคาร