dc.contributor.advisor |
ทัชมัย ฤกษะสุต |
|
dc.contributor.author |
ฐิตินันท์ เจริญวิจิตรวงศ์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2022-06-01T03:38:00Z |
|
dc.date.available |
2022-06-01T03:38:00Z |
|
dc.date.issued |
2564 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/78689 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564 |
en_US |
dc.description.abstract |
ปัจจุบันการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินของประเทศไทยจะเป็นไปตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แบ่งอัตราการจัดเก็บภาษีที่แตกต่างกัน ตามประเภทที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ การศึกษาครั้งนี้ มุ่งพิจารณาที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยที่มีอัตราภาษีไม่เกินร้อยละศูนย์จุดสามของฐานภาษีหรือมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย การกาหนดคุณลักษณะของโฮมสเตย์ให้ขึ้นอยู่กับจานวนห้อง และจานวนผู้เข้าพัก หากมีจานวนไม่เกินสี่ห้อง ผู้พักรวมกันไม่เกินยี่สิบคน จะถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย จัดเก็บภาษีอัตราที่อยู่อาศัย การกาหนดเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ศึกษามีความเห็นว่า การเปิดให้เข้าพักของโฮมสเตย์โดยไม่จากัดระยะเวลาการเข้าพัก ไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่ต้องเสียภาษีในอัตราไม่เกินร้อยละหนี่งจุดสองของฐานภาษีหรือมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติโรงแรม โดยจากการศึกษากฎหมายที่พักชั่วคราวของประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีการกาหนดกรอบเวลาในการให้เข้าพักเพื่อแบ่งประเภทของธุรกิจให้เช่าที่พักส่วนบุคคลและการเช่าชั่วคราวในเชิงพาณิชย์สาหรับกิจการโรงแรมไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหากเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าพักไม่เกิน 180 วันต่อปี ถือเป็นการให้เช่าที่พักส่วนบุคคลเป็นครั้งคราวเพื่อ “หารายได้เสริม” จะถูกเก็บภาษีทรัพย์สินคงที่ (Fixed Asset tax) แต่หากเจ้าของบ้านต้องการเปิดให้เช่าที่พักเกินกว่า 180 วันต่อปี จะต้องขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจโรงแรม เนื่องจากเป็นการให้บริการเชิงพาณิชย์จึงมีภาระภาษีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ในการศึกษายังพบว่าประเทศไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโฮมสเตย์เหมือนกับประเทศญี่ปุ่น จึงส่งผลให้ธุรกิจธุรกิจโฮมสเตย์ในประเทศไทยมีจานวนมากและยากต่อการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กาหนด
เมื่อพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะ ให้แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ข้อ 2 โดยเพิ่มเติมกรอบระยะเวลาการเปิดให้เข้าพัก รวมทั้งควรมีกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมธุรกิจการโฮมสเตย์ พร้อมบทลงโทษสาหรับผู้ให้เช่าที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติ ไว้ในกฎหมาย |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2021.163 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
ภาษีที่ดิน |
en_US |
dc.subject |
โฮมสเตย์ |
en_US |
dc.title |
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง : ศึกษาเฉพาะกรณีหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ ที่อยู่อาศัยเป็นที่พักที่คิดค่าตอบแทน (โฮมสเตย์) |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Tashmai.R@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
การจัดเก็บภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2021.163 |
|