dc.contributor.advisor |
ทัชมัย ฤกษะสุต |
|
dc.contributor.author |
นุสรา มานะกิจลาภ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2022-06-02T03:51:23Z |
|
dc.date.available |
2022-06-02T03:51:23Z |
|
dc.date.issued |
2564 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/78702 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564 |
en_US |
dc.description.abstract |
สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ มีประกาศปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9
เรื่องเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งได้มีการกําหนดเงื่อนไข วิธีการและปัจจัยที่เกี่ยวข้องแตกต่างไปจากมาตรฐานฉบับ
เดิมที่เคยถือปฏิบัติ มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการในการจัดกลุ่มประเภทของเครื่องมือทางการเงิน กําหนดแนวทางใน
การพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการประเมินมูลค่าและการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องมือทางการเงิน
โดยมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 ได้กําหนดให้มีการจัดกลุ่มประเภทของเครื่องมือทางการเงิน อาศัย
การพิจารณาจากรูปแบบธุรกิจ (Business Model) แทนการจัดกลุ่มที่พิจารณาตามวัตถุประสงค์ในการถือครอง
และให้ใช้ข้อมูลจากเหตุการณ์ในอดีตร่วมกับสภาพการณ์ปัจจุบันและการพยากรณ์สภาพเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่ง
แตกต่างจากเดิมที่พิจารณาแค่เพียงปัจจัยจากในอดีตจนถึงปัจจุบันเท่านั้น การนําสภาพเศรษฐกิจในอนาคตมาร่วม
พิจารณานั้น ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ที่แม่นยําและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้
ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การรับรู้รายการจะสะท้อนถึงข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ลดความผันผวน
และความไม่แน่นอนจากการใช้ข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีการพิจารณาดังกล่าว ได้ส่งผลต่อการ
คํานวณการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องมือทางการเงินและทําให้การรับรู้รายได้ดอกเบี้ยซึ่งอยู่บนฐานการ
คํานวณจากมูลค่าคงเหลือของเครื่องมือทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น (รายได้ดอกเบี้ย เกิดจากการคํานวณมูลค่าของ
เครื่องมือทางการเงินหักค่าเผื่อการด้อยค่าคูณอัตราดอกเบี้ย) เนื่องจากมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9
ได้กําหนดให้ผู้ประกอบการทบทวนความเป็นไปได้ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากเครื่องมือทางการเงินนั้นอยู่
เสมอ แม้ว่าเครื่องมือทางการเงินนั้นอาจรับรู้การด้อยค่าไปแล้วในอดีต แตกต่างจากมาตรฐานฉบับเดิมที่ไม่ได้ให้นํา
เครื่องมือทางการเงินที่เคยรับรู้การด้อยค่าไปแล้วกลับมาพิจารณาใหม่ ส่งผลให้การรับรู้รายได้ดอกเบี้ยตามมูลค่าที่
เหลืออยู่ของเครื่องมือทางการเงินหลังหักค่าเผื่อการด้อยค่า ไม่สามารถรับรู้รายการได้ในทางบัญชีอีกต่อไป และ
จากการศึกษาพบว่าการรับรู้รายการรายได้ดอกเบี้ยในทางบัญชีและในทางภาษีไม่ได้มีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึง
ถือได้ว่า เมื่อรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ย่อมส่งผลให้กิจการมีการรับรู้กําไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น (กรณีไม่นําการ
เปลี่ยนแปลงจากปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการคํานวณกําไรสุทธิทางภาษีเช่น ค่าใช้จ่าย มารวมในการพิจารณา) และ
ทําให้การคํานวณภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องนําส่งแก่กรมสรรพากรนั้นเพิ่มขึ้น
การปรับปรุงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการบัญชี ย่อมส่งผลต่อการรับรู้รายการของกิจการต่างๆ การนํา
มาตรฐานการบัญชีไปถือปฏิบัติจึงควรเป็นไปด้วยความเข้าใจและทราบถึงผลกระทบทั้งภายในกิจการของตนและ
บุคคลภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ดุลยพินิจของผู้บริหารประกอบกับข้อมูลที่เพียงพอและเชื่อถือได้ ควร
กระทําด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือเกิดความคลาดเคลื่อนในการจัดทํารายการและการ
นําเสนอข้อมูล |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2021.174 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
การจัดเก็บภาษี |
en_US |
dc.subject |
ภาษีเงินได้ |
en_US |
dc.title |
แนวทางในการนำมาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน ฉบับปรับปรุง 2563 มาใช้กับการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของ การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Tashmai.R@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
ดอกเบี้ย |
en_US |
dc.subject.keyword |
การคำนวณภาษี |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2021.174 |
|