Abstract:
เอกัตศึกษาเล่มนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัญหาในการจัดเก็บภาษีป้ายอิเล็กทรอนิกส์ เนื่อง
ด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันมีการพัฒนาในด้านเทคโนยีไปไกล และ ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ป้ายที่แสดงสื่อความต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นําเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้
พบเห็น จึงทําให้พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ.2510 ที่มีการบัญญัติใช้มาเป็นเวลานาน ไม่สอดคล้อง
กับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยได้ศึกษาปัญหาในการจัดเก็บภาษีป้าย และแนวทางการแก้ไขที่
สามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้จริง และรองรับการพัฒนารูปแบบของป้ายอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
จากการศึกษาพบว่า ปัญหาในการจัดเก็บภาษีป้ายที่ไม่ครอบคลุมป้ายที่ใช้งานจริงในปัจจุบัน
มาจากหลักเกณฑ์การคํานวณภาษี โดยภาษีป้ายจะใช้การคํานวณจากขนาดป้าย (ความกว้างคูณด้วย
ความยาวจะได้พื้นที่ป้าย) คูณด้วยอัตราภาษีโดยมีการกําหนดการเลือกอัตราไว้ว่า หากเป็นข้อความที่
เป็นอักษรไทย จะสามารถเลือกใช้อัตราที่ต่ําซึ่งมีผลทําให้เสียภาษีน้อยลง แต่หากข้อความบนป้ายมี
อักษรต้างประเทศ รูปภาพ สัญลักษณ์อื่นๆ แสดงอยู่ ก็จะทําให้อัตราภาษีที่ใช้คูณสูงขึ้น ผู้เขียนเห็นว่า
การใช้หลักเกณฑ์การวัดขนาด ควรปรับเปลี่ยน เนื่องจากหากเป็นป้ายอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบของ
การยิงแสงเลเซอร์ไปยังจุดต่าง ๆ ซึ่งสามารถย่อ และขยายได้ รวมถึงการตั้งเวลาเปิดปิดได้นั้น จะทํา
ให้หลักเกณฑ์ไม่สามารถคํานวณยอดภาษีที่สมควรเป็นได้และการใช้หลักเกณฑ์ดูข้อความที่แสดงบน
ป้ายเพื่อเลือกอัตราภาษี อาจเกิดปัญหาได้เนื่องจากป้ายอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ สามารถปรับเปลี่ยน
ข้อความที่แสดงได้อย่างรวดเร็ว ทําให้เป็นช่องทางการหลีกเลี่ยงภาษีได้อีกหนึ่งช่องทาง ผู้เขียนจึงเห็น
ควรเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคํานวณดังกล่าวมาเป็นคูณจากยอดมูลค่าที่ชําระค่าจัดทําป้ายตาม
แบบอย่างของเมืองฟิลาเดลเฟีย (PHILADELPHIA) แห่งรัฐเพนซิลเวเนีย สหรฐัอเมริกา จะทําให้ภาษี
ที่ต้องชําระผันแปรตามมูลค้าป้ายและผลตอบรับ เช่น การใช้ป้ายอิเล็กทรอนิกส์ในการแสดงโฆษณา
เพื่อการค้า ก็จะมีมูลค่า ค่าโฆษณาที่สูง ผลตอบรับสูง และเสียภาษีสูงกว่าป้ายที่เป็นสองมิติแบบเดิม
ที่ผลตอบรับน้อยกว่าเนื่องจากไม่ค่อยดึงดูดสายตาและมีมูลค่าโฆษณาที่น้อยกว่าเช่นกัน