Abstract:
เอกัตศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการตรวจสอบและรับรองบัญชีของ
ประเทศไทยในปัจจุบัน วิเคราะห์ปัญหาของการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีและปัญหา
อื่นที่ส่งผลต่อความถูกต้องของจํานวนภาษีเงินได้นิติบุคคลก่อนการยื่นแบบแสดงรายการ และศึกษา
แนวทางการตรวจสอบและรับรองบัญชีของประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีภาษี
อากร (CPTA) เพื่อให้ทราบถึงแนวคิดที่สําคัญ และข้อดีของแนวทางดังกล่าว นําไปสู่การเสนอ
แนวทางปรับปรุงการตรวจสอบและรับรองบัญชีของประเทศไทย เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
อากร
จากการศึกษาพบว่า การตรวจสอบและรับรองบัญชีของประเทศไทยไม่สามารถรับรองความ
ถูกต้องของจํานวนภาษีเงินได้ ทําให้ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของการเสียภาษีซ้ำโดย
กรมสรรพากร มีสาเหตุมาจากการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตในฐานะผู้ตรวจสอบและ
รับรองบัญชีไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับรองความถูกต้องของจํานวนภาษีที่จะต้องชําระ ผู้ประกอบการ
ขาดความรู้ความเข้าใจและมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเสียภาษี และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้เป็น
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากรโดยเฉพาะ
สําหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้ของประเทศญี่ปุ่นมีการรับรองความถูกต้องของจํานวนภาษีเงิน
ได้ที่จะต้องเสียตั้งแต่ก่อนการยื่นแบบแสดงรายการ โดยกําหนดให้มีวิชาชีพผู้ตรวจสอบและรับรอง
บัญชีภาษีอากร (CPTA) ทําหน้าที่ให้คําปรึกษาด้านภาษี คํานวณภาษีและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
กับการเสียภาษี หรือการคืนภาษี รวมถึงเป็นตัวแทนในการเสียภาษีและเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ
กรมสรรพากรกรณถีูกตรวจสอบ โดยปฏิบัติงานเป็นอิสระจากกรมสรรพากร
ผู้เขียนจึงเสนอแนะว่าควรมีการปรับปรุงการตรวจสอบและรับรองบัญชีของประเทศไทยให้
เป็นการรับรองความถูกต้องของจํานวนภาษีเงินได้ที่จะต้องเสียตั้งแต่ก่อนการยื่นแบบแสดงรายการ
ตามแนวทางของประเทศญี่ปุ่น จะทําให้การคํานวณภาษีของกิจการที่ผ่านการตรวจสอบและรับรอง
บัญชีโดย CPTA นั้นถูกต้อง ครบถ้วน มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการตรวจสอบในสาระสําคัญทางด้าน
ภาษีอากรโดยเฉพาะ ส่งผลให้แบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีของกิจการนั้นถูกต้องและครบถ้วน
ในสาระสําคัญตั้งแต่ตอนชําระภาษี ซึ่งจะให้ความเชื่อมั่นต่อกรมสรรพากรและช่วยลดขั้นตอนในการ
ตรวจสอบซ้ำของกรมสรรพากรได้