dc.contributor.advisor |
ศักดา ธนิตกุล |
|
dc.contributor.author |
อรฤดา คำเลิศลักษณ์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2022-06-13T07:57:23Z |
|
dc.date.available |
2022-06-13T07:57:23Z |
|
dc.date.issued |
2564 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/78775 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564 |
en_US |
dc.description.abstract |
จากกระแสความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแรงผลักดันของปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์โลกให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่ใช้ในการ
ขับเคลื่อนยานยนต์จากเครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผา
ไหม้ สู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทาง
เทคโนโลยีมาสู่ยานยนต์ไฟฟ้านี้ จึงส่งกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในฐานะผู้เป็นฐาน
การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในรายใหญ่ของโลก ให้ต้องมีการปรับตัว
และก้าวให้ทันต่อสถานการณ์และแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างสิ้นเชิงในครั้งนี้
ด้วยเหตุนี้ นโยบายภาครัฐจึงมีส่วนสําคัญในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรม
ยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม สําหรับประเทศไทย
จากการศึกษาโดยใช้เครื่องมือ SWOT Analysis พบว่า มาตรการภาษีนําเข้าภายใต้กรอบความตกลง
เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (ACFTA) เป็นอุปสรรคต่อนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยาน
ยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV ภายในประเทศ โดยจะมีผลเป็นการลดทอนประสิทธิภาพนโยบายของ
ภาครัฐอย่างเป็นสาระสําคัญ กระทบต่อเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต
รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่สําคัญในระดับภูมิภาคให้ล่าช้าออกไปหรือมิอาจเกิดขึ้นได้
เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับนโยบายผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่
ภายในประเทศของประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซียพบว่า มีการดําเนินนโยบายที่แตกต่าง
ออกไปกล่าวคือ ทั้งประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย ได้มีมาตรการตั้งกําแพงภาษี (Tariff
Barrier) สําหรับการนําเข้ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ภายใต้กรอบ
ความตกลง ACFTA และในขณะเดียวกัน ทางภาครัฐก็ได้มีการปรับใช้นโยบายในการส่งเสริม
ความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมภายในประเทศควบคู่กันไปอย่างชัดเจน เพื่อมุ่งพัฒนา
ข้อได้เปรียบของแต่ละประเทศที่มีอยู่ และผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ
ซึ่งนับว่า นโยบายดังกล่าวของภาครัฐนั้นมีความสอดคล้องกับแนวคิดในการปกป้องและส่งเสริม
อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ภายในประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จากประเด็นปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงได้มีการศึกษาเปรียบเทียบนโยบายและมาตรการของ
ต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางปรับใช้ที่เหมาะสมสําหรับประเทศไทย เพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านให้
ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่สําคัญในระดับภูมิภาคได้ |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2021.165 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
รถยนต์ไฟฟ้า -- วิจัย |
en_US |
dc.subject |
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า |
en_US |
dc.title |
การศึกษาผลกระทบของความตกลงเขตการค้าเสรีจีน – อาเซียนต่อมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ในประเทศไทย |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
sakda.t@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
รถยนต์ไฟฟ้า |
en_US |
dc.subject.keyword |
อุตสาหกรรมยานยนต์ |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2021.165 |
|