Abstract:
การประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Insurance) เป็นการป้องกันความสูญเสียทางการเงินที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ตามสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ไม่มีเงินออมเพื่อจ่ายเป็นเงินดาวน์ และเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันที่สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยปรับปรุงมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินให้มีมาตรฐาน และเป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือที่จะช่วยลดต้นทุนในการแปลงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์อันเป็นการสร้างโอกาสในการระดมทุนแก่นักลงทุนในตลาดทุนอีกด้วย
ตามที่ประเทศไทยได้มีแนวคิดที่จะนำการประกันสินเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Insurance) มาใช้ ผู้เขียนจึงศึกษาวิจัยถึงปัญหาและการนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้กับการประกันภัยดังกล่าว หลักการประสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้มีการใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยผู้เขียนได้ศึกษาหลักการของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการประกันภัยประเภทนี้ และศึกษาหลักการของประเทศแคนาดาซึ่งการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นประกันภัยภาคบังคับ เพื่อหาแนวคิดและหลักการที่เหมาะสมในการกำหนดรูปแบบและแนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความถูกต้องและเป็นธรรมในประเทศไทยต่อไป จากการศึกษาพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐได้เข้ามามีบทบาทในการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและได้ออกกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการควบคุมการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นการเฉพาะ ส่วนประเทศแคนาดา การประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยถือเป็นประกันภัยภาคบังคับที่รัฐจะเข้ามาเป็นผู้รับความเสี่ยงในการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเอง รวมถึงยังได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการพิจารณาและวิเคราะห์สินเชื่อที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามด้วย
จากผลการศึกษา เห็นว่า ประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับการประกันภัยดังกล่าว เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้มีการรองรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยเอาไว้แล้ว แต่เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยออกกฎหมายเพื่อกำหนดรูปแบบลักษณะข้อสัญญา และมาตรการการกำกับดูแลการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตามแนวทางของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายไทย และเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดแนวทางปฏิบัติของสถาบันการเงินผู้ให้กู้ต่อผู้กู้ และกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาและวิเคราะห์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้มีความคุ้มครองและบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ผู้กู้อย่างเป็นธรรม