Abstract:
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและการบริการซึ่งเป็นบทบาทหลักของเศรษฐกิจประเทศไทยธุรกิจโรงแรมของเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาก็พื้นที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแต่ด้วยศักยภาพการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯจึงมีโอกาสในการฟื้นตัวสูง ทำให้โรงแรมหลายแห่งต้องมีการปรับตัวเพื่อการดำเนินการธุรกิจในช่วงโควิด-19 ดังนั้นงานวิจัยฉบับนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาการใช้กลยุทธ์การปรับตัวของโรงแรมที่มีการบริหารแบบอิสระ 43 แห่งโดยทำการศึกษาโรงแรมที่มีการบริหารแบบอิสระขนาดเล็ก 2แห่งและขนาดกลาง 2 แห่ง ทั้งนี้มีการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงแรมและOTA ระหว่าง ธ.ค. 2563-ธ.ค.2564 และวิเคราะห์ข้อมูลจากการเปลี่ยนแปลงราคาและอัตราการเปิดให้บริการ ณ ช่วงเวลานั้น รวมไปถึงการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการโรงแรมกรณีศึกษา 4 แห่งเพื่อสรุปบทเรียนสำคัญในการปรับตัวเพื่อนำมาเปรียบเทียบและสรุปกลยุทธ์ที่สามารถทำให้โรงแรมดำเนินธุรกิจต่อได้หรือมีการฟื้นตัว ผลการศึกษาพบว่า 1) โรงแรมขนาดกลางได้รับผลกระทบมากกว่าโรงแรมขนาดเล็กแต่มีการปรับตัวที่ยืดหยุ่นกว่าจากทรัพยากรที่ทำให้มีทางเลือกในการปรับตัว 2) การปรับตัวของโรงแรมนั้นมี 2 ระดับ คือ ระยะสั้นและระยะยาวซึ่งมีการใช้รูปแบบกลยุทธ์ 3 กลยุทธ์ดังนี้ (1) การใช้กลยุทธ์ปรับตัวในการปรับตัวระยะสั้นและระยะยาวเรื่องการบริหารการเงินและทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเหมือนกัน คือ การปรับระเบียบค่าใช้จ่ายด้วยวิธีที่เหมาะสมกับโรงแรมจากการพิจารณาทรัพยากรและการเงินที่มีว่าผู้ประกอบการสามารถยอมรับการขาดทุนได้มากเท่าใดหรือจะลดค่าใช้จ่ายจากส่วนใด (2) ในการปรับตัวระยะยาวผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงผลของการใช้กลยุทธ์ที่ผ่านมาและประเมินผลกระทบและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อวางแผนในการรองรับหรือการขยายการบริการ (3) นอกจากนี้หากจะปรับตัวในระยะยาวยังต้องมีการทำการตลาดโดยการแบ่งสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ เช่น ช่วงงดการเดินทางระหว่างประเทศอาจเพิ่มสัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้นหรือหากลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะ เช่น กลุ่มเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากการปรับสัดส่วนการตลาดแล้วยังต้องทำโปรโมชั่นและปรับโรงแรมในบางส่วนหากจำเป็นเพื่อให้ตรงกับความต้องการกับกลุ่มเป้าหมายใหม่มากที่สุด ดังนั้นโรงแรมควรมีพื้นที่ที่สามารถยืดหยุ่นในการใช้งานได้เพื่อให้เกิดกลุ่มเป้าหมายหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไรก็ตามข้อเสนอแนะดังกล่าวเหมาะสำหรับโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวหรืออยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพหรือมีบริบทคล้ายคลึงกับพัทยาซึ่งมีขนาดเล็กหรือขนาดกลางภายใต้สภาวะวิกฤตการหดตัวของนักท่องเที่ยว 3) เมื่อเทียบกับโรงแรมในกรุงเทพฯและเชียงใหม่พบว่าเมืองพัทยามีการปิดตัวอยู่ที่ร้อยละ 33 ซึ่งน้อยกว่ากรุงเทพฯและเชียงใหม่เนื่องจากศักยภาพการเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้เมืองหลวงส่งผลให้มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว การวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นความแตกต่างของการปรับตัวระหว่างโรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางภายใต้สถานการณ์เดียวกันโดยมีลักษณะของโรงแรมที่แตกต่างกันทำให้มีการเลือกใช้กลยุทธ์ที่ต่างกันซึ่งกลยุทธ์การลดค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำตลอดช่วงสถานการณ์จนกว่าจะกลับไปเป็นปกติและการทำการตลาดด้วยการปรับสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายและจัดทำโปรโมชั่นกิจกรรรมให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในช่วงกลางสถานการณ์และในช่วงท้ายจะเป็นการประเมินผลกระทบและกลยุทธ์ที่ใช้ไปเพื่อมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากธุรกิจหลักทั้งนี้ต้องพิจารณาจากทรัพยากรภายในธุรกิจและการคาดการณ์กระแสเงินสดเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจตลอดเวลา