Abstract:
วาร์ฟาริน เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานที่มีตัชนีกรรักษาแคบ ทำให้เกิดอาการ
ไม่พึ่งประสงค์ได้ง่าย โดยภาวะเลือดออกเป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญที่ส่งผลกระทบตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงจนถึง
ทำให้เสียชีวิตได้
งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะเลือดออกในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยา
วาร์ฟารินที่มีคำไอเอ็นอาร์สูงเกินช่วงกรรักษา โดยเก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีค่า
ไอเอ็นอาร์เกิน 35 และเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ณ โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือน
เมษายน .ศ. 2563 รูปแบบการศึกษาเชิงพรรณนาแบบย้อนหลังเพื่อหาความสัมพันธ์ วิเคราะห์ข้อมูสโดยใช้สถิติ
เชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยพหุ
ผู้ป่วยทั้งหมด 112 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 69 คน คิดเป็นร้อยละ 61.6 มีอายุเฉลี่ย 73.22 + 12.72
ปี ค่าไอเอ็นอาร์ที่สูงเกินช่วงการรักษาของผู้ป่วยในการศึกษานี้อยู่ระหว่าง 3.52 - 26.47 คิดเป็นค่าไอเอ็นอาร์เฉลี่ย
6.29 : 4.39 สาเหตุของไอเอ็นอาร์สูงเกินเป้าหมายส่วนใหญ่เกิดจากอันตรกิริยาระหว่างยากับโรค ร้อยละ 46.40,
อันตรกิริยาระหว่างยา ร้อยละ 44.60 และภาวะอัลนูมินในเลือดต่ำ ร้อยละ 41.10 โดยกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออก
รุนแรงมีไอเอ็นอาร์เฉลี่ยมากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะเลือดออกและกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกไม่รุนแรงอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าไอเอ็นอาร์เฉลี่ย 9.15 + 6.78, 5.16 + 2.14 และ 5.03 + 1.59 ตามลำดับ (P < 0.0001)
จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่มีโรคร่วมเป็นโรคมะเร็ง มีโอกาสที่จะเกิดภาวะเลือดออกมากกว่าผู้ป่วยที่ไม่มีโรคร่วมเป็น
โรคมะเร็งถึง 30.11 เท่า (adjusted OR = 30.1 1, 95%CI = 2.78-325.72, p=0.005) และผู้ป่วยที่มีค่าไอเอ็นอาร์
ตั้งแต่ 8 ขึ้นไป มีโอกาสที่จะเกิดภาวะเลือดออกมากกว่าผู้ป่วยที่มีค่ไอเอนอาร์น้อยกว่า 8 ถึง 8.39 เท่า (adjusted
OR = 8.39, 95%CI = 2.53-27.87, P=0.001)เมื่อพิจารณาปัจจัยด้านเพศ และประวัติเคยเกิดภาวะเลือดออก
ร่วมด้วย
โดยสรุป โรคมะเร็งและไอเอ็นอาร์ตั้งแต่ 8 ขึ้นไป เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะเลือดออกในผู้ป่วยที่ได้รับ
การรักษาด้วยยาวาร์ฟารินที่มีค่าไอเอ็นอาร์สูงเกินช่วงการรักษา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยจึงควรติดตามการ
เกิดภาวะเลือดออกอย่างใกล้ชิดในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย