Abstract:
ยาวาร์ฟาริน เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทาน มีข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันและรักษาภาวะ
ลิ่มเลือดอุดตัน ยาวาร์ฟารินเป็นยาที่มีการใช้ทางคลินิกมาอย่างยาวนาน และมีข้อมูลการศึกษาค่อนข้างมาก แต่ยัง
ไม่มีคำแนะนำขนาดยาวาร์ฟารินเริ่มต้นในประชากรไทย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาปัจจัยที่สัมพันธ์กับ
ขนาดยาวาร์ฟารินเริ่มต้นของผู้ป่วย และประเมินความแม่นยำของสมการที่ใช้คำนวณขนาดยาเริ่มต้น งานวิจัยเชิง
พรรณนาแบบย้อนหลังเพื่อหาความสัมพันธ์ ทำการเก็บข้อมูล ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยรวบรวมข้อมูลของ
ผู้ป่วยใน ชาวไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และได้รับยาวาร์ฟารินเป็นครั้งแรก ระหว่างเดือนมกราคม 2558 ถึง
ธันวาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีวิเคราะห์การถถอยพหุเชิงเส้น ในการหาความสัมพันธ์ ด้วยโปรแกรม
SPSS version 28
ผู้ป่วยในงานวิจัยทั้งหมด 125 คน เป็นเพศชายจำนวน 70 ราย (ร้อยละ 56) มีน้ำหนักเฉลี่ย 64.0 + 13.1
กิโลกรัม อายุเฉลี่ย 61.3 + 14.79 ปี ข้อบ่งใช้ส่วนใหญ่ของยาวาร์ฟาริน คือ การผ่าตัดซ่อมแชมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
ขนาดยาในช่วงเริ่มต้นเฉลี่ย 16.89 + 6.46 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับขนาด
ยาวาร์ฟาริน ณ วันที่ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ได้แก่ น้ำหนัก ภาวะอัลบูมินในเลือดต่ำ ค่าการทำงานของตับ (AST)
อายุที่มากกว่า 70 ปี คำฮีมาโทคริต และการมีช้อบ่งใช้สำหรับการผ่าตัดซ่อมแชมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ในส่วนของ
การวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดยาวาร์ฟารินที่ผู้ป่วยได้รับก่อนออกจากโรงพยาบาลกับขนาดยาที่คำนวณ
ได้จากสมการ simplified warfarin dosing formula ที่ใช้ปัจจัยด้านอายุและน้ำหนัก พบว่ามีความสัมพันธ์กันน้อย
(r=0.429, p=0.003) เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดยาที่คำนวณได้จากสมการการถถอยพหุเชิงเส้นที่สร้างขึ้นโดยใช้ค่า
น้ำหนัก ค่เอนไซม์ตับ (ALT) การผ่าตัดซ่อมแชมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และอายุมากกว่า 70 ปี พบว่าค่าที่ได้จาก
สมการที่สร้างขึ้นนี้ มีความสัมพันธ์ปานกลางถึงสูงกับขนาดยาวาร์ฟาริน ณ วันที่ออกจากโรงพยาบาล (1=0.738,
โดยสรุป ปัจจัยที่สัมพันธ์กับขนาดยาวาร์ฟารินเริ่มต้นของผู้ป่วย ได้แก่ น้ำหนัก คำาการทำงานของตับ อายุ
และข้อบ่งใช้กรณีผู้ป่วยผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการแนะนำขนาดยาใน
ผู้ป่วยที่เริ่มได้รับยาวาร์ฟารินเป็นครั้งแรกได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้ป่วยเริ่มใช้ยาวาร์ฟาริน ควรมีการติดตามค่า
ไอเอ็นอาร์ และปรับขนาดยาให้อยู่ในช่วงเป้าหมายของการรักษาต่อไป