Abstract:
ปัจจุบันการจัดเก็บภาษีเงินได้ระหว่างประเทศอาศัยหลักทางภูมิศาสตร์ในการแบ่งเขตแดนการจัดเก็บภาษี โดยพิจารณาจากความสัมพันธ์ของบริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี กับประเทศแหล่งเงินได้ว่ามีความสัมพันธ์เพียงพอหรือไม่ หลักในการพิจารณาความสัมพันธ์มีสองประการคือ หลักแหล่งเงินได้ และหลักถิ่นที่อยู่ ซึ่งหลักทั้งสองจะพิจารณาจากการปรากฏทางกายภาพของบริษัทต่างประเทศ แต่เมื่อมีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้น ผู้ขายไม่จำต้องมีการปรากฏทางกายภาพในประเทศผู้ซื้ออีกต่อไป จึงเกิดปัญหาว่าจะจัดเก็บภาษีบริษัทต่างประเทศได้อย่างไร การจัดเก็บภาษีเงินได้บริษัทต่างประเทศจากการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กรณีการขายสินค้าที่มีรูปร่างภายใต้กฎหมายของประเทศไทย ต้องอาศัยหลักเกณฑ์ตาม มาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดยวิเคราะห์ตามลักษณะของกิจกรรมที่เกิดขึ้นว่ากิจกรรมนั้นมีความสัมพันธ์เพียงพอที่จะถือว่าเป็นการเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยหรือไม่ อันได้แก่ การมีเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ประกอบการในประเทศไทย การปรากฏของเว็บไซท์ การใช้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย การใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม และการซื้อขายสินค้าผ่านตัวแทนซอฟต์แวร์ แนวทางการตีความมาตรา 76 ทวิ ที่มีอยู่เดิมไม่ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีใหม่เช่นอินเทอร์เน็ต จึงต้องเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 76 ทวิ เพื่อให้ประเทศไทยมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีเงินได้บริษัทต่างประเทศมากขึ้น ได้แก่ การเพิ่มบทบัญญัติให้การมีอุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น เซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ในการประกอบกิจการในประเทศไทยถือว่าเป็นการเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากนี้ อาจนำแนวคิดการจัดเก็บภาษีโดยพิจารณาจากการประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเป็นสื่อจนก่อให้เกิดกำไรอันเป็นสาระสำคัญมาปรับใช้เพื่อให้ประเทศไทยมีอำนาจจัดเก็บภาษีอย่างทั่วถึง แต่การนำแนวคิดดังประการหลังมาปรับใช้นั้น ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม เพราะแนวทางดังกล่าวส่งผลกระทบหลายประการ ได้แก่ ผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้ประเภทอื่น ความไม่ชัดเจนของวิธีการบังคับจัดเก็บภาษีบริษัทต่างประเทศอันเนื่องมาจากแนวทางดังกล่าว ปัญหาการคำนวณปริมาณกำไรอันเป็นสาระสำคัญ และปัญหาการขัดกับหลักความเป็นกลาง ดังนั้นจึงควรศึกษาถึงวิธีแก้ปัญหาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะนำมาปรับใช้ สำหรับกรณีอนุสัญญาภาษีซ้อน หากคู่สัญญานำแนวทางของ OECD มาปฏิบัติตาม ประเทศไทยควรมีการเจรจาสงวนสิทธิ์กับคู่สัญญาเป็นกรณีไปเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ