Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบนโยบายการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย และ 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการกำหนดนโยบายการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับประเทศไทย โดยใช้ วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) จาก 1) การวิจัยเอกสาร (Documentary research) เครื่องมือที่ใช้คือแบบบันทึกข้อมูล และ 2) การสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยใช้แบบสัมภาษณ์ แบบกึ่งโครงสร้าง ประชากรที่ใช้ ได้แก่ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายและผู้ที่นำนโยบายไปปฏิบัติ ผลการวิจัย พบว่า สิ่งที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยมีเหมือนกัน คือ การเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยี ดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลจึงได้กำหนดเป็นนโยบายแบบบนลงล่าง (Top-down policy) โดยสิงคโปร์กำหนดแนวทางการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลไว้ในแผนแม่บทการส่งเสริม เทคโนโลยีในภาคการศึกษาจนก่อให้เกิดการจัดทำหลักสูตร Cyber Wellness ที่ส่งเสริมคุณลักษณะพลเมืองดิจิทัลขณะที่มาเลเซีย กำหนดไว้ในแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบันประกอบกับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินการส่งผลให้ มาเลเซียมีโครงการระดับชาติที่มีกิจกรรมและพื้นที่การเรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณลักษณะความเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับผู้เรียนระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน สิ่งที่แตกต่าง คือ การนำไปปฏิบัติของสิงคโปร์เป็นแบบล่างขึ้นบน (Bottom-up approach) ก่อให้เกิดการจัดทำ โครงการหรือนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละโรงเรียนได้ในขณะที่มาเลเซียยังเป็นแบบบนลงล่าง (Top-down approach) ที่ปฏิบัติตามบทหน้าหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังพบอีกว่าการกำหนดแผนการดำเนินการส่งเสริมความ เป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทยยังไม่ปรากฏแน่ชัด อย่างไรก็ตาม แนวทางการกำหนด นโยบายการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับประเทศไทยประกอบไปด้วย 1) กำหนดนโยบายแบบบนลงล่าง (Topdown policy) โดยการปรับแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อการศึกษาให้เป็นแผนระยะกลาง 5 ปี หรือระยะยาว 8-10 ปี 2) พัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานทางเทคโนโลยีโดยแบ่งการพัฒนาและให้การสนับสนุนตามความพร้อมของโรงเรียน 3) กำหนดวิธีการจัดการเรียนการสอนใน หลักสูตรแกนกลางฯ จัดทำหลักสูตรกลางหรือกรอบสมรรถนะกลางสำหรับการส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัล 4) กำหนดแนวทางการ พัฒนาความสามารถของครูผู้สอน 5) กำหนดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการวิจัยเพื่อติดตามผล 6) การนำไปปฏิบัติควรเป็นแบบล่าง ขึ้นบน (Bottom-up approach) โดยควรให้อิสระแก่โรงเรียนและครูในการตัดสินใจ 7) ควรมีการติดตาม ประเมินผล และ ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ