Abstract:
ความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญทางการศึกษาเชิงบวกและโรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมให้นักเรียนทุกคนมีความอยู่ดีมีสุข การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ (1) เพื่อวิเคราะห์ลักษณะความอยู่ดีมีสุขของนักเรียน บรรยากาศโรงเรียน และความร่วมมือระหว่างโรงเรียนจำแนกตามภูมิหลังและพื้นที่ (2) เพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุของความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนระหว่างโมเดลการถดถอยเชิงลำดับชั้นที่มีอัตสหสัมพันธ์เชิงพื้นที่ (Hierarchical Spatial Autoregressive Model: HSAR) กับโมเดลการถดถอยพหุระดับ (Multilevel Regression Model: MLM) ด้วยวิธีการประมาณค่าแบบเบย์ (Bayesian estimation) และใช้อัลกอรึทึมการสุ่มตัวอย่างด้วยลูกโซ่มาร์คอฟมอนติคาร์โล (Markov Chain Monte Carlo) โดยใช้ข้อมูลจริงจากนักเรียน 1,981 คน และคุณครู 282 คน ของโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 55 โรงเรียน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน มีตัวแปรทำนายสำคัญ คือ บรรยากาศโรงเรียน และความร่วมมือระหว่างโรงเรียนซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ข้ามระดับ (cross-level interaction term) ของความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับบรรยากาศโรงเรียนโดยความร่วมมือระหว่างโรงเรียนเป็นตัวแปรปรับ (moderator) และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นตัวแปรควบคุม (covariate)
ผลการวิจัยพบว่า โมเดลทั้งสองมีประสิทธิภาพในการทำนายความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนใกล้เคียงกัน (R2 MLM = 0.534, R2 HSAR = 0.529, LLMLM = -2039.6, LLHSAR = -2389.75, DICMLM = 4151.91, DICHSAR = 4955.43) แต่ให้สารสนเทศในมุมมองที่แตกต่างกัน โดยโมเดล HSAR จะให้รายละเอียดได้มากกว่าโดยเฉพาะการแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของความสัมพันธ์เชิงพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ (Lambda = 0.70 , SE = 0.30) ในขณะที่โมเดล MLM ไม่สามารถให้ผลวิเคราะห์ส่วนนี้ได้อีกทั้งยังตรวจพบอัตสหสัมพันธ์เชิงพื้นที่ในเศษเหลือของโมเดล MLM (Moran’s I = 0.09, p-value = 0.031) ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงเบื้องต้นของการวิเคราะห์ถดถอยอีกด้วย โมเดล HSAR จึงเป็นโมเดลที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยเชิงสาเหตุของความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนมากกว่า ผลการวิเคราะห์จากโมเดล HSAR พบว่า บรรยากาศโรงเรียนส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนในโรงเรียนที่มีระดับความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสูงมากกว่าโรงเรียนที่มีระดับความร่วมมือระหว่างโรงเรียนต่ำ เมื่อพิจารณาตามระดับบรรยากาศโรงเรียน พบว่า หากมีระดับบรรยากาศโรงเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยนักเรียนในโรงเรียนที่มีความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสูงจะมีความอยู่ดีมีสุขมากกว่าโรงเรียนที่มีความร่วมมือระหว่างโรงเรียนต่ำ แต่หากมีระดับบรรยากาศโรงเรียนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นักเรียนในโรงเรียนที่มีความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสูงและต่ำมีระดับความอยู่ดีมีสุขไม่แตกต่างกัน
ดังนั้นในการส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนครูและผู้บริหารจึงควรพิจารณาสภาพบรรยากาศโรงเรียนและระดับความร่วมมือระหว่างโรงเรียนเพื่อหาแนวทางการพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนนั้น ๆ นอกจากนี้ผู้บริหารในโรงเรียนพื้นที่ใกล้เคียงกันอาจร่วมมือกันพิจารณาหาแนวทางการพัฒนาหรือศึกษาปัจจัยเชิงพื้นที่ที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขเพิ่มเติมเพื่อสร้างแนวทางการส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าข้อมูลทางศึกษาศาสตร์และสังคมศาสตร์อาจพบความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ซ่อนอยู่จึงควรตรวจสอบการมีอยู่ของความสัมพันธ์ดังกล่าวและเลือกใช้วิธีการวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ