Abstract:
การจัดเก็บเงินเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร กฎหมายไม่ได้กำหนดบทบัญญัติไว้อย่างชัดเจนถึงวิธีการคำนวณภาษีที่ต้องชำระในกรณีเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายทำให้เกิดวิธีการคำนวณหลายแนวทางจากการตีความกฎหมายของหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีตามประมวลรัษฎากร คือ กรมสรรพากร คำนวณโดยไม่คำนึงถึงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และจากองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดตัดสินข้อพิพาททางภาษีอากร คือ ศาลภาษีอากร ตีความในทางตรงกันข้าม จากการคำนวณที่แตกต่างกันนี้ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์จำนวนภาษีที่ต้องช าระหลายจำนวนแตกต่างกันและเกิดการดำเนินการจัดเก็บและประเมินภาษีอากรของกรมสรรพากรโดยอาศัยความไม่ชัดเจนของกฎหมายอย่างไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล
ความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติกฎหมายเป็นสาเหตุก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อผู้เสียภาษีให้ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้เสียภาษีขาดสิทธิเรียกร้องต่อฝ่ายปกครองจากการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายในการใช้สิทธิทางศาล ประสบภาระเกี่ยวกับการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรและการลิดรอนสิทธิในทรัพย์สินจากเงินที่ต้องชำระตามการประเมินหรือการทุเลาการเสียภาษีอากร
จากการศึกษาพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมด้วยการกำหนดบทบัญญัติกฎหมายให้เกิดความชัดเจนตามแนวทางคำพิพากษาของศาลภาษีอากร