Abstract:
รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการผลิต ไบโอดีเซล จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อลดการนำเข้า ปิโตรเลียม ซึ่งมีราคาขึ้นลงไม่แน่นอนและเป็นการสูญเสียเงินตราให้กับต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล ขณะนี้ มีโรงงานผลิตไบโอดีเซล ในประเทศ มีจำนวน 12 โรง ไม่นับรวมโรงงานขนาดเล็กโดยมีกำลังผลิตไบโอดีเซล ประมาณ 132 ล้านตัน/ปี ปัญหาที่สำคัญในการผลิตไบโอดีเซล คือการเกิดกลีเซอรีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ จำนวนมาก แม้ว่ากลีเซอรีน จะมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมต่างๆเช่น อุตสาหกรรมเวชสำอาง เป็นต้น แต่ ปริมาณที่ผลิตได้มากกว่าตลาดต้องการ แม้จะมีความพยายามส่งออกก็ตาม ในปี 2559 ประเทศไทยสามารถส่ง กลีเซอรีนออกในปริมาณ 11.88 ล้านตัน /ปี แต่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการส่งเสริมให้ผลิตไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นใน อนาคตอันใกล้ ดังนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ทำอย่างไรจึงใช้ กลีเซอรีน ในรูปแบบอื่นที่มีคุณค่าเพิ่ม แนวทางหนึ่งคือ เปลี่ยนกลีเซอรีน ให้เป็นสารเคมีที่มีมูลค่าเพิ่มสูงคือ โพรเพนไดอัล ปัจจุบันราคากลีเซอรีนที่ผ่านกระบวนการ ทำให้บริสุทธิ์แล้ว ตกประมาณ 28,000 บาท/ตัน แต่ราคาโพรเพนไดอัล สูงถึง 69,000 บาท/ตัน ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของราคากลีเซอรีน ดังนั้นจึงเป็นที่สนใจที่จะผลิต โพรเพนไดอัลจากกลีเซอรีนแต่การเปลี่ยนกลีเซอรีนให้ เป็นโพรเพนไดอัลจำเป็นต้องอาศัยตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสมและมีราคาที่ไม่แพงนักและให้ผลิตภัณฑ์พลอยได้ ต่ำ ปัญหาตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีการพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน คือยังมีผลพลอยได้สูง ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องพัฒนาตัวเร่ง ปฏิกิริยา ที่ให้ผลผลิตสูงขึ้น จึงจะเหมาะสมกับการใช้งานจริงในอุตสาหกรรม โดยผู้วิจัยได้ทำการศึกษาและทำ การสังเคราะห์ตัวเร่งปฏิกิริยา Pt/WOx/boehmite ด้วยวิธี wet impregnation เปลี่ยนกลีเซอรีนเป็นโพร-เพน ไดอัลผ่านกระบวนการไฮโดรจีโนไลซิสพบว่าตัวเร่งปฏิกิริยาที่ไม่ผ่านกระบวนการรีดักชั่นที่อุณหภูมิสูงก่อนทำ ปฏิกิริยาให้ค่าร้อยละการเปลี่ยนแปลงและค่าการเลือกเกิดจำเพาะของ 1,3-โพรเพนไดอัลดีกว่าตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ผ่านกระบวนการรีดักชั่นที่อุณหภูมิสูง