Abstract:
บุคคลสาธารณะมักถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลมาประมวลผลในกิจกรรมต่าง ๆ อย่างไม่มีขอบเขต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจกรรมของสื่อมวลชนที่มักเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลสาธารณะมากเกินความจำเป็น และกรณีของสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะของประเทศจึงต้องถูกตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน แม้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดหน้าที่และอำนาจไว้ แต่ก็ถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลมาประมวลผลในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจเช่นกัน ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 4 มีข้อยกเว้นที่ไม่นำพระราชบัญญัติฉบับนี้มาใช้กับกิจกรรมสื่อมวลชนตาม (3) และกิจกรรมของสภาตาม (4)
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงศึกษาการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของบุคคลสาธารณะในกิจกรรมสื่อมวลชนและกิจกรรมของสภาซึ่งได้รับข้อยกเว้นไม่นำพระราชบัญญัติคุ้มครองส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาบังคับใช้ตามมาตรา 4 วรรค 1 ว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลสาธารณะทั้ง 2 กิจกรรมได้รับยกเว้นเพียงใดโดยศึกษาเปรียบเทียบบรรทัดฐานความเป็นส่วนตัวของบุคคลสาธารณะในประเทศไทยกับต่างประเทศ พบว่ากิจกรรมสื่อมวลชนของไทยมีการรายงานข่าวข้อมูลของบุคคลสาธารณะเกินความจำเป็น ส่วนกิจกรรมของสภามีการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ให้อำนาจไว้แล้ว เพียงแต่ทั้ง 2 กิจกรรมไม่มีการกำหนดมาตรฐานในการประมวลผลอันเป็นแนวปฏิบัติที่ดีไว้ ผู้เขียนจึงเสนอให้มีการจัดทำคู่มือหรือแนวทางสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของทั้ง 2 กิจกรรมเพื่อให้เกิดชัดเจนและสามารถคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะได้อย่างเหมาะสม