Abstract:
ศึกษาถึงความจำเป็นในการแปรสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม ตลอดจนหาแนวทางที่เหมาะสมในการแปรสัญญา เนื่องจาก ณ เวลาที่ได้มีการทำสัญญาสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานนั้น กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐ คือ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็นผู้มีอำนาจผูกขาดและสิทธิเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้เงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาสัมปทานตกลงกันภายใต้บรรทัดฐานที่ว่า กิจการโทรคมนาคมเป็นอำนาจผูกขาดของภาครัฐ แต่ปัจจุบันกฎหมายได้ยกเลิกอำนาจผูกขาดของภาครัฐ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาให้บริการในรูปของใบอนุญาต กำหนดให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ตลอดจนได้มีการวางกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม นอกจากนี้ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้แปลงสภาพไปเป็นบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงไม่มีฐานะเป็นหน่วยงานภาครัฐผู้กำกับ ดูแล (Regulator) กิจการโทรคมนาคมอีกต่อไป แต่มีฐานะเพียงเป็นผู้ประกอบการ (Operator) รายหนึ่ง ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ จากการศึกษาพบว่าระบบโทรคมนาคมในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยถูกกำกับดูแลในรูปของสัญญา มาเป็นการกำกับดูแลในรูปของกฎหมาย การที่เงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาสัมปทานไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับ และสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลให้คู่สัญญาไม่สามารถดำเนินการตามปกติ ภายใต้เงื่อนไขในสัญญาต่อไปได้ ผลสรุปของการวิจัยพบว่า จากความเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและสถานการณ์ต่างๆ สมควรที่จะนำไปสู่การพิจารณาแก้ไขสัญญาสัมปทาน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้ 1. แก้ไขข้อสัญญาที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายในปัจจุบัน เช่น หลักเกณฑ์การเชื่อมต่อโครงข่าย การคิดอัตราค่าบริการ เป็นต้น 2. แก้ไขสัญญาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางกฎหมาย และทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมในการแข่งขัน 3. ท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นต้องมีการเลิกสัญญาเพื่อเปลี่ยนจากการรับสัมปทาน เป็นการได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกรายอยู่ภายใต้ กฎเกณฑ์เดียวกัน