Abstract:
ภัยพิบัติทางธรรมชาติสร้างความเสียหายต่อผลผลิตของเกษตรกรเฉลี่ย 7,253 ล้าน/ปี ทำให้ภาครัฐต้องช่วยเหลือเกษตรกรในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้การประกันภัยพืชผล แต่ระบบประกันภัยพืชผลยังประสบกับปัญหาบริบทของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน
ความไม่สมมาตรของข้อมูลอาจเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหา การศึกษานี้จึงให้ความสำคัญกับปัญหาความไม่สมมาตรของข้อมูลที่เกิดในโครงการประกันภัยพืชผลของเกษตรกรในพื้นที่ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าว 379 ครัวเรือน เพื่อนำมาวิเคราะห์ Adverse Selection และ Moral Hazard โดยใช้แบบจำลอง Ordered Logit และการหาค่าคาดหมายของผลตอบแทน อีกทั้งทำการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลในการเข้าร่วมโครงการประกันภัยพืชผล โดยใช้แบบจำลอง Binary Logit
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัจจัยที่ส่งผลในการเข้าร่วมโครงการฯ คือ การอุดหนุนค่าเบี้ยจากภาครัฐและประสบการณ์ในการเผชิญภัยพิบัติที่มากขึ้น และพบการเกิด Adverse Selection ในระดับพื้นที่ โดยพื้นที่ความเสี่ยงสูงมีการกระจุกของพื้นที่เอาประกันมากกว่าพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ ทำให้ค่าคาดหมายของผลตอบแทนในการดำเนินโครงการฯ ขาดทุน สำหรับการเกิด Moral Hazard พบว่า เกษตรกรในพื้นที่ความเสี่ยงระดับสูงเห็นช่องโหว่ในการตรวจสอบความเสียหายทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการชดเชยที่เพิ่มขึ้น สำหรับพื้นที่ความเสี่ยงระดับกลาง พบว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงต้นทุนในการใช้สารเคมี แต่ในพื้นที่ความเสี่ยงระดับต่ำ ไม่พบการเกิด Moral Hazard จะเห็นได้ว่า หลักเกณฑ์ของโครงการนำสู่การเกิดความไม่สมมาตรของข้อมูล ดังนั้นการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมกับบริบทของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาดังกล่าว