Abstract:
วิธีการลงทุนแบบหมุนเวียนหลักทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอซึ่งจะทำการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีค่าคะแนนสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับหลักทรัพย์ตัวอื่นๆนี้ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเมื่อเปรียบเทียบกับการเข้าซื้อขายตามสัญญาณแบบดั้งเดิม โดยปัจจุบันเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องถูกนำมาประยุกต์ใช้กับงานต่างๆในชีวิตประจำวัน รวมถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งการเรียนรู้ของเครื่องนี้สามารถนำมาใช้กับการลงทุนเชิงปริมาณเพื่อเพิ่มสมรรถนะของพอร์ตโฟลิโอสำหรับการลงทุนในตลาดการเงิน งานวิจัยนี้เสนอการใช้เอกซ์จีบูสต์สำหรับการคัดเลือกหลักทรัพย์แบบรายเดือนและรายไตรมาส ซึ่งแบบจำลองทั้งสองนี้ถูกพัฒนาบนชุดข้อมูลหลักทรัพย์ขนาดใหญ่และขนาดกลางในประเทศไทยโดยมีปัจจัยทั้งหมด 27 ปัจจัยแบ่งออกตามกลุ่มต่างๆได้ ดังนี้ ปัจจัยเชิงคุณค่า, ปัจจัยการเติบโตของกิจการ, ปัจจัยแนวโน้มของราคา, ปัจจัยสภาพคล่อง, ปัจจัยคุณภาพ, ปัจจัยเงินปันผล และปัจจัยด้านขนาด เพื่อใช้เป็นตัวแปรต้น สำหรับให้แบบจำลองเรียนรู้และจากผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยเชิงเทคนิคเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสำหรับการทำนายการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์แบบรายเดือน ซึ่งแตกต่างกับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์แบบรายไตรมาสที่ปัจจัยพื้นฐานจะมีความสำคัญมากกว่าปัจจัยเชิงเทคนิค นอกจากนี้ เมื่อจำลองการสร้างพอร์ตโฟลิโอการหมุนเวียนหลักทรัพย์แบบรายเดือนและรายไตรมาส พบว่า พอร์ตโฟลิโอแบบรายเดือนให้ค่าสถิติในเชิงพอร์ตโฟลิโอที่ดีกว่าซึ่งเป็นเพราะพอร์ตโฟลิโอดังกล่าวมีโอกาสในการคัดเลือกหลักทรัพย์ใหม่ๆเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ในด้านค่าสถิติของการซื้อขายกลับพบว่าพอร์ตโฟลิโอแบบรายไตรมาสกลับให้ค่าที่ดีกว่า เนื่องจากระยะเวลาการถือครองหลักทรัพย์ที่นานขึ้นทำให้มีค่าผลตอบแทนคาดหวังต่อการซื้อขายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ พอร์ตโฟลิโอทั้งสองยังคงให้ระดับผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิงทั้งหมดประกอบด้วย ดัชนี SET TRI, ดัชนีที่ให้น้ำหนักการลงทุนแบบเท่าเทียม, และดัชนีผลตอบแทนแบบปัจจัยเดียว