Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวสูงวัยในเขตกรุงเทพมหานคร และเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวส่งเสริมสุขภาพของนักท่องเที่ยวสูงวัย การศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาที่เป็นนักท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพในเขตกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 64.1) จำนวน 2 ใน 3 มีอายุระหว่าง 50-60 ปี มีเพียง 1 ใน 3 ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป นักท่องเที่ยวมากกว่าร้อยละ 50 มีสถานภาพสมรสคู่อยู่ด้วยกัน และส่วนใหญ่มีการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไป (ร้อยละ 63.2) และมากกว่า 1 ใน 3 มีรายได้มากกว่า 50,000 บาท (ร้อยละ 35.4) นักท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพสูงวัยที่มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพเป็นหลักสามลำดับแรก ได้แก่ การไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม พักผ่อนสุดสัปดาห์/ระยะยาวยังรีสอร์ทที่มีน้ำพุร้อน และไปพักยังสถานบริการสุขภาพเพื่อนวดแผนไทย/นวดเพื่อสุขภาพ (ร้อยละ 22.0, 16.5 และ 15.0) การตามลำดับและมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพเป็นรองสามลำดับแรก ได้แก่ ไปเที่ยวท่องและแวะไปปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิ ไปท่องเที่ยวและแวะไปนวดแผนไทย/นวดเพื่อสุขภาพ ไปท่องเที่ยวและแวดใช้บริการน้ำพุร้อนเป็นส่วนหนึ่งในการท่องเที่ยว (ร้อยละ 28.4, 26.4 และ 24.9) การไปรับบริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ มีร้อยละ 35.9 ส่วนใหญ่เดินทางไปท่องเที่ยวกับครอบครัว (ร้อยละ 54.2) และเดินทางโดยรถส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ (ร้อยละ 54.2) สำหรับสถานที่พักแรมที่นักท่องเที่ยวเชิงสุภาพสูงวัยนิยมไปพักแรมมากที่สุดคือรีสอร์ท (ร้อยละ 45.4) จากการวิเคราะห์องค์ประกอบเพื่อศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพพบว่าแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบได้แก่ ด้านความต้องการทางสุขภาพ โปรแกรมและการให้บริการ และการเรียนรู้ทางด้านจิตใจ