Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบสมรรถภาพทางกาย ความสามารถทางการกีฬา และหน้าที่การทำงานของหลอดเลือดระหว่างหญิงข้ามเพศ เพศชายโดยกำเนิด และเพศหญิงโดยกำเนิด
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยประกอบด้วยหญิงข้ามเพศที่ได้รับฮอร์โมนบำบัดแต่ไม่ได้ตัดอัณฑะจำนวน ช่วงอายุ 27±4 ปี 15 คน หญิงข้ามเพศที่ได้รับฮอร์โมนบำบัดและตัดอัณฑะ ช่วงอายุ 30±4 จำนวน 15 คน ปี เพศชายโดยกำเนิด ช่วงอายุ 28±5 จำนวน 15 คน และเพศหญิงโดยกำเนิด ช่วงอายุ 29±5 จำนวน 15 คน โดยจับคู่ระหว่างกลุ่มให้มีความใกล้เคียงกันด้วยอายุและระดับกิจกรรมทางกาย และทำการวัดตัวแปรด้านสารชีวเคมีในเลือด องค์ประกอบของร่างกาย สมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับสุขภาพ สมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับทักษะ และโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของหลอดเลือด
ผลการศึกษา พบว่า ส่วนสูง น้ำหนัก และมวลกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายของหญิงข้ามเพศมากกว่าเพศหญิงโดยกำเนิด แต่น้อยกว่าเพศชายโดยกำเนิดอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 เทสโทสเตอโรนในเลือดมีระดับลดลง ในขณะที่อีตราไดออลมีระดับเพิ่มขึ้นทั้งในหญิงข้ามเพศและเพศหญิงโดยกำเนิดเมื่อเปรียบเทียบกับเพศชายโดยกำเนิดอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 แรงสูงสุดของกล้ามเนื้อเหยียดเข่าและงอเข่า รวมถึงความสามารถในการใช้ออกซิเจนสูงสุดของร่างกายของเพศชายโดยกำเนิดมีค่ามากกว่าหญิงข้ามเพศและเพศหญิงโดยกำเนิด โดยที่หญิงข้ามเพศและเพศหญิงโดยกำเนิดมีค่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ความอ่อนตัวที่ทำการทดสอบด้วยท่านั่งงอตัวไปด้านหน้าไม่พบความแตกต่างกันระหว่างกลุ่ม ในการทดสอบสมรรถภาพทางแอนแอโรบิกด้วยวิธีของวินเกต เพศหญิงโดยกำเนิดมีค่าไม่แตกต่างกับหญิงข้ามเพศ แต่มีค่าน้อยกว่าเพศชายโดยกำเนิดอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ในส่วนของเม็ดเลือดแดง ฮีมาโทคริท ฮีโมโกลบิน และไกลโคไซเลทฮีโมโกลบินของเพศหญิงโดยกำเนิดและหญิงข้ามเพศมีระดับต่ำกว่าเพศชายโดยกำเนิด ในขณะที่น้ำตาลกลูโคสในพลาสมาช่วงอดอาหารของเพศหญิงโดยกำเนิดมีระดับต่ำกว่าเพศชายโดยกำเนิดอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ทั้งนี้ไม่พบความแตกต่างระหว่างกลุ่มในการประเมินความหนาของผนังหลอดเลือดแดงแคโรทิด และความเร็วของคลื่นความดันชีพจรระหว่างข้อเท้าและต้นแขนที่เป็นการทดสอบการแข็งตัวของหลอดเลือด
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า หญิงข้ามเพศที่เปลี่ยนแปลงจากเพศชายไปเป็นเพศหญิงด้วยการใช้ฮอร์โมนบำบัดมีสมรรถภาพทางกายด้อยกว่าเพศชายโดยกำเนิด แต่ไม่แตกต่างกับเพศหญิงโดยกำเนิด ซึ่งการศึกษาวิจัยแบบภาคตัดขวางครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าหญิงข้ามเพศที่ใช้ฮอร์โมนบำบัดระยะยาวไม่ปรากฏข้อได้เปรียบเชิงสมรรถภาพของเพศชายตามเพศกำเนิดของตนแล้ว